กระบะชนท้ายจยย.ทับหญิงวัย 62 ดับอนาถที่แยกแสงดาว

DSC_0020เมื่อเวลา 06.50 น. วันที่ 27 ส.ค. 57 ร.ต.ท.สมเกียรติ บุญมียิว ร้อยเวร สภ.เมืองพิษณุโลก รับแจ้งเกิดอุบัติเหตุรถยนต์กระบะเชี่ยวชนท้ายรถจักรยานยนต์ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย บริเวณสีแยกไฟแดงแสงดาว ใกล้ทางเข้าหน้าหมู่แม่ธรณีทอง หมู่ที่ 3 ตำบลหัวรอ อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก หลังรับแจ้งจึงรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมแพทย์เวรโรงพยาบาลพุทธชินราช และเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยมูลนิธิประสาทบุญสถาน ที่เกิดเหตุพบรถจักรยานยนต์ยี่ห้อ ยามาฮา รุ่นฟีโน่ สีม่วง หมายเลขทะเบียน คจท 616 อุดรธานี ล้มคว่ำอยู่บนพื้นถนนในสภาพด้านท้ายพังยังเยิน ห่างออกไปประมาณ 10 เมตร พบร่างผู้เสียชีวิตเป็นหญิง 1 ราย ทราบชื่อในเวลาต่อมาคือ นาง อำพรพรรณ นาคสูตร อายุ 62 ปี อาศัยอยู่บ้านเลขที่ 166/102 หมู่ที่ 3 ตำบลหัวรอ อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก นอนเสียชีวิตจมกองเลือดอยู่กับพื้นในสภาพตามร่างกายมีแผลถลอกทั่วตัว บริเวณข้อเท้ามีแผลฉีกขาด และกระดูแหลกเหลวทั่วทั้งร่าง ซี่งนายสุริยะพันธ์ สังข์เย็น  บุตรชายผู้เสียชีวิตเดินทางมาดูร่างมารดาที่จุดเกิดเหตุก่อนจะนั่งคุกเข่าลงไปไหว้ศพแม่ ส่วนรถคู่กรณีคือ รถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้า รุ่นไมตี้เอ็กซ์ สีบอร์นเงิน หมายเลขทะเบียน บจ 3456 พิษณุโลก สภาพกันชนหน้าขวามือคนขับยุบเสียหาย ซึ่งนาย กฤตพร อนุเขต อายุ 42 ปี อาชีพพนักงานโรงงานไทยแอร์โร่ อยู่บ้านเลขที่ 41/12 หมู่ที่ 4 ตำบลหัวรอ อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก เป็นคนขับDSC_0004

นายสุริยะพันธ์ บุตรชายผู้เสียชีวิตเล่าว่า มารดาได้ขับขี่รถจักรยานยนต์คันเกิดเหตุออกจากบ้านมาตั้งแต่เวลา 06.20 น. เพื่อเดินทางไปทำงานที่คลินิกแห่งหนึ่ง ด้วยรถจักรยานยนต์คันดังกล่าวทุกวัน บริเวณตลาดกิตติกรในตัวเมืองพิษณุโลก กระทั่งเพื่อนบ้านเข้ามาบอกว่ามารดาประสบอุบัติเหตุหน้าหมู่บ้านจึงมาดูก็พบร่างมารดานอนเสียชีวิตแล้วDSC_0014

ด้านนายกฤตพร อนุเขต ผู้ขับรถยนต์กระบะคู่กรณี เล่าว่าตนเองกำลังจะเดินทางไปทำงานที่โรงงานไทยแอร์โร่ ซึ่งระหว่างขับมาถึงจุดเกิดเหตุก็มีรถจักรยานยนต์ขี่ข้ามเลนส์อย่างกะทันหันตนเองพยายามเหยียบเบรกแล้วแต่ไม่อยู่จึงชน นางอำพรพรรณ เสียชีวิตดังกล่าว

จากการตรวจสอบจุดเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานว่า ผู้เสียชีวิตได้ขี่รถจักรยานยนต์ออกมาจากหมู่บ้านที่พักอาศัยและกำลังขี่ข้ามถนนเปลี่ยนเลนส์เพื่อจะยูเทิร์นไปที่ทำงานซึ่งมีรถยนต์กระบะที่มี

เมื่อเวลา 06.50 น. วันที่ 27 ส.ค. 57 ร.ต.ท.สมเกียรติ บุญมียิว ร้อยเวร สภ.เมืองพิษณุโลก รับแจ้งเกิดอุบัติเหตุรถยนต์กระบะเชี่ยวชนท้ายรถจักรยานยนต์ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย บริเวณสีแยกไฟแดงแสงดาว ใกล้ทางเข้าหน้าหมู่แม่ธรณีทอง หมู่ที่ 3 ตำบลหัวรอ อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก หลังรับแจ้งจึงรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมแพทย์เวรโรงพยาบาลพุทธชินราช และเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยมูลนิธิประสาทบุญสถาน ที่เกิดเหตุพบรถจักรยานยนต์ยี่ห้อ ยามาฮา รุ่นฟีโน่ สีม่วง หมายเลขทะเบียน คจท 616 อุดรธานี ล้มคว่ำอยู่บนพื้นถนนในสภาพด้านท้ายพังยังเยิน ห่างออกไปประมาณ 10 เมตร พบร่างผู้เสียชีวิตเป็นหญิง 1 ราย ทราบชื่อในเวลาต่อมาคือ นาง อำพรพรรณ นาคสูตร อายุ 62 ปี อาศัยอยู่บ้านเลขที่ 166/102 หมู่ที่ 3 ตำบลหัวรอ อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก นอนเสียชีวิตจมกองเลือดอยู่กับพื้นในสภาพตามร่างกายมีแผลถลอกทั่วตัว บริเวณข้อเท้ามีแผลฉีกขาด และกระดูแหลกเหลวทั่วทั้งร่าง ซี่งนายสุริยะพันธ์ สังข์เย็น  บุตรชายผู้เสียชีวิตเดินทางมาดูร่างมารดาที่จุดเกิดเหตุก่อนจะนั่งคุกเข่าลงไปไหว้ศพแม่ ส่วนรถคู่กรณีคือ รถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้า รุ่นไมตี้เอ็กซ์ สีบอร์นเงิน หมายเลขทะเบียน บจ 3456 พิษณุโลก สภาพกันชนหน้าขวามือคนขับยุบเสียหาย ซึ่งนาย กฤตพร อนุเขต อายุ 42 ปี อาชีพพนักงานโรงงานไทยแอร์โร่ อยู่บ้านเลขที่ 41/12 หมู่ที่ 4 ตำบลหัวรอ อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก เป็นคนขับDSC_0052

นายสุริยะพันธ์ บุตรชายผู้เสียชีวิตเล่าว่า มารดาได้ขับขี่รถจักรยานยนต์คันเกิดเหตุออกจากบ้านมาตั้งแต่เวลา 06.20 น. เพื่อเดินทางไปทำงานที่คลินิกแห่งหนึ่ง ด้วยรถจักรยานยนต์คันดังกล่าวทุกวัน บริเวณตลาดกิตติกรในตัวเมืองพิษณุโลก กระทั่งเพื่อนบ้านเข้ามาบอกว่ามารดาประสบอุบัติเหตุหน้าหมู่บ้านจึงมาดูก็พบร่างมารดานอนเสียชีวิตแล้ว

ด้านนายกฤตพร อนุเขต ผู้ขับรถยนต์กระบะคู่กรณี เล่าว่าตนเองกำลังจะเดินทางไปทำงานที่โรงงานไทยแอร์โร่ ซึ่งระหว่างขับมาถึงจุดเกิดเหตุก็มีรถจักรยานยนต์ขี่ข้ามเลนส์อย่างกะทันหันตนเองพยายามเหยียบเบรกแล้วแต่ไม่อยู่จึงชน นางอำพรพรรณ เสียชีวิตดังกล่าว

จากการตรวจสอบจุดเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานว่า ผู้เสียชีวิตได้ขี่รถจักรยานยนต์ออกมาจากหมู่บ้านที่พักอาศัยและกำลังขี่ข้ามถนนเปลี่ยนเลนส์เพื่อจะยูเทิร์นไปที่ทำงานซึ่งมีรถยนต์กระบะที่มี นายกฤตพร ขับขี่มาด้วยความเร็วสูงพยายามเบรกแต่ก็ยังไถลไปพุ่งชนรถจักรยานยนต์อย่างแรงก่อนที่จะลากร่างผู้เสียชีวิตติดใต้ท้องรถไกลกว่า 15 เมตร เสียชีวิตดังกล่าว ทั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้ทำการสอบสวนผู้ขับรถยนต์กระบะเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงของอุบัติเหตุในครั้งนี้ต่อไป ส่วนร่างผู้เสียชีวิตจะส่งให้ โรงพยาบาลพุทธชินราชชันสูตรเพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริงต่อไป

แสดงความคิดเห็น