วันกองทัพไทย วันที่ระลึกในวาระที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงกระทำยุทธหัตถีกับพระมหาอุปราชาของพม่าโดยถือเอาวันที่ 18 มกราคมของทุกปีเป็นวันกองทัพไทย
นับตั้งแต่มีการก่อตั้งชนชาติไทย พระมหากษัตริย์ในอดีตได้ทรงนำทัพเข้าทำสงครามต่อสู้กับชนชาติต่างๆ เพื่อปกป้องดินแดนซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของบรรพบุรุษมาหลายครั้งหลายหน จนสามารถดำรงความเป็นเอกราชและรักษาอธิปไตยของชาติมาได้ถึงปัจจุบัน พระนาม “สมเด็จพระนเรศวรมหาราช” คือ พระนามของพระมหากษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ ซึ่งเป็นศูนย์รวมจิตใจ เป็นความภาคภูมิใจของกำลังพลทุกคนในกองทัพตั้งแต่ในอดีตในฐานะนักรบที่องอาจกล้าหาญ และมีคุณูปการต่อความเป็นเอกราชของชาติ ความสามารถในด้านการรบ โดยเฉพาะเหตุการณ์ในครั้งที่พระองค์ทรงกระทำยุทธหัตถีมีชัยชนะแก่พระมหาอุปราชาแห่งกรุงหงสาวดี เมื่อวันจันทร์ แรม ๒ ค่ำ เดือนยี่ ปีมะโรง ณ ตำบลหนองสาหร่าย จังหวัดสุพรรณบุรี ถือเป็นชัยชนะครั้งสำคัญยิ่งของกองทัพและปวงชนชาวไทย ที่พระมหากษัตริย์ไทยได้ทรงแสดงพระอัจฉริยะภาพในการรบ และความเกรียงไกรของกองทัพให้ปรากฏแก่ชนชาติต่าง ๆ จนเป็นที่ครั่นคร้ามและยำเกรงแก่ประเทศใกล้เคียง
สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงเป็นนักการทหารที่ยิ่งใหญ่ มีความเป็นผู้นำที่ยอดเยี่ยม มีน้ำพระทัยเด็ดเดี่ยวกล้าหาญ ทรงโปรดการนำกองทัพออกสู้รบกับข้าศึกด้วยพระองค์เองทุกครั้ง นอกจากนี้พระองค์ยังทรงเป็นนักยุทธศาสตร์และยุทธวิธีที่ปราดเปรื่อง ได้ทรงพัฒนากลยุทธ์ และแนวความคิดใหม่ในการทำสงคราม เช่น การตั้งรับในเขตหน้า การใช้การลวง การซุ่มโจมตี และการแสวงประโยชน์จากภูมิประเทศ ทำให้สามารถเอาชนะข้าศึกที่มีกำลังมากกว่าได้โดยมีการสูญเสียน้อยที่สุด
นับตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๐๒ รัฐบาลในสมัยจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ ได้กำหนดให้ วันที่ ๘ เมษายน ซึ่งเป็นวันระลึกวันคล้ายวันสถาปนากระทรวงกลาโหม และถือเป็นวันที่มีการปรับปรุงการทหาร จากการจัดอัตรา กำลังแบบโบราณมาเป็นการจัดอัตรากำลังแบบปัจจุบันเป็นวันกองทัพไทย เมื่อ พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ใน พ.ศ.๒๕๒๓ ได้ดำริว่า วันกองทัพไทยควรเป็นวันที่มีความสำคัญและมีความหมายยิ่ง สำหรับทหารทั้งสามเหล่าทัพ พึงระลึกด้วยความภาคภูมิใจ ปลุกใจให้เกิดความรักและหวงแหนชาติบ้านเมืองและพร้อมที่จะสละชีวิตและเลือดเนื้อเป็นชาติพลี ตลอดจนส่งเสริมความสามัคคีในหมู่ทหาร ทั้งเป็นที่ชื่นชมยินดีของปวงชน
ชาวไทยอีกด้วย คณะรัฐมนตรีจึงมีมติกำหนดให้ วันที่ ๒๕ มกราคม ซึ่งตรงกับวันกระทำยุทธหัตถีของสมเด็จพระนเรศวรมหาราชของทุกปี เป็นวันกองทัพไทย ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๒๔
ในส่วนของกองทัพบก เดิมกำหนดให้วันที่ ๒๘ กรกฎาคม ซึ่งเป็นวันที่กองทัพไทยฉลองชัยชนะกรณีพิพาทอินโดจีนฝรั่งเศส โดยกระทำพิธีสวนสนามรับมอบดินแดนในอินโดจีน ที่จังหวัดพระตะบอง เป็นวันกองทัพบกตั้งแต่ พ.ศ. ๒๔๘๕ ต่อมาใน พ.ศ. ๒๔๙๔ สภากองทัพบกได้เสนอขอวันที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทรงกระทำยุทธหัตถีชนะสมเด็จพระมหาอุปราชาแห่งกรุงหงสาวดี เป็นวันกองทัพบก ซึ่งผลการคำนวณในขณะนั้นตรงกับวันที่ ๒๕ มกราคม พ.ศ.๒๑๓๕ เนื่องจากพิจารณาเห็นว่า การกระทำยุทธหัตถีครั้งนั้น นับเป็นการยุทธ์ทางบกครั้งยิ่งใหญ่ ชัยชนะของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ได้รับการกล่าวขวัญและสรรเสริญโดยทั่วไป วันดังกล่าวจึงเป็นวันที่มีความสำคัญยิ่งต่อปวงชนชาวไทย เป็นวันที่คนไทยพึงระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณด้วยความภาคภูมิใจ สำนักนายกรัฐมนตรีจึงประกาศให้วันที่ ๒๕ มกราคม ของทุกปี เป็นวันกองทัพบก
ต่อมาเมื่อวันที่ ๒๙ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๔๘ คณะรัฐมนตรีได้ลงมติอนุมัติให้วันที่ ๒๕ เมษายน ของทุกปี เป็นวันคล้ายวันสวรรคตสมเด็จพระนเรศวรมหาราช และวันที่ ๑๘ มกราคม ของทุกปี เป็นวันยุทธหัตถี ทั้งนี้เพื่อให้เป็นไปตามหลักฐานที่ราชบัณฑิตยสถานและคณะกรรมการเอกลักษณ์ของชาติเสนอ ซึ่งเป็นผลทำให้ประวัติศาสตร์ของวันยุทธหัตถีเปลี่ยนไป ดังนั้น เพื่อดำรงความมุ่งหมายเดิมในการกำหนดวันที่ระลึกกองทัพไทย และกองทัพบก รวมทั้ง เพื่อให้สอดคล้องกับมติของคณะรัฐมนตรีดังกล่าว กระทรวงกลาโหม และกองทัพบก จึงได้พิจารณาเปลี่ยนแปลงกำหนดวันกองทัพไทย และวันกองทัพบก จากเดิมวันที่ ๒๕ มกราคม เป็นวันที่ ๑๘ มกราคม ของทุกปี โดยเริ่มใช้ครั้งแรกตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๕๐ เป็นต้นไป “วันกองทัพไทย” และ “วันกองทัพบก” ซึ่งเป็นวันครบรอบวาระที่ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทรงกระทำยุทธหัตถีมีชัยชนะแผ่พระบารมีให้ปรากฎในประวัติศาสตร์ชาติไทยนี้ จึงเป็นวันสำคัญที่กำลังพลในกองทัพทุกนายจะได้ตระหนักถึงภาระหน้าที่ อันสำคัญยิ่งที่จะรักษาหวงแหน ปกป้องบ้านเมืองและสืบทอดเจตนารมณ์ของพระองค์ท่าน เพื่อรักษาแผ่นดินนี้ให้เป็นมรดกของลูกหลานไทยสืบไป
สำหรับจังหวัดพิษณุโลก ปวงชนชาวพิษณุโลก ต่างสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช พิษณุโลก เป็นแผ่นดินที่พระองค์ท่านพระราชสมภพ ณ พระราชวังจันทน์ ในโอกาสวันกองทัพไทย ทุกวันที่ 18 มกราคม ที่ศาลสมเด็จพระนเรศวรมหาราช พระราชวังจันทน์ พสกนิกรชาวจังหวัดพิษณุโลกทุกหมู่เหล่า ต่างร่วมแซ่ซ้องสรรเสริญสดุดีวีรกรรมไทยในความเสียสละขององค์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช สมเด็จพระเอกาทศรถ และพระพี่นางสุพรรณกัลยา ณ ศาลสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภายในพระราชวังจันทน์แห่งนี้ โดยได้จัดให้มีพิธีสงฆ์ พิธีพราหมณ์ บัณฑิตประกาศพระบรมราชโองการบวงสรวงฯ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก กล่าวถวายราชสดุดีเฉลิมพระเกียรติ
ขณะที่กองทัพภาคที่ 3 ในวันกองทัพไทยกองทัพภาคที่ 3 มีพิธีกระทำสัตย์ปฏิญาณตนต่อธงชัยเฉลิมพลของหน่วยทหารในพื้นที่จังหวัดพิษณุโลก ในวันอาทิตย์ที่ 18 มกราคม 2558 โดยมี พลโท สาธิต พิธรัตน์ แม่ทัพภาคที่ 3 เป็นประธานในพิธี โดยมีกำหนดการดังนี้ พิธีถวายราชสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช สมเด็จพระเอกาทศรถ และพระรูปพระสุพรรณกัลยา ณ ลานพระบรมราชานุสาวรีย์ ฯ ณ ค่ายสมเด็จพระนเรศวรมหาราช อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก มีพิธีถวายราชสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์ ฯ ในเวลา 09.00 น.
และพิธีสวนสนามกระทำสัตย์ปฏิญาณตนต่อธงชัยเฉลิมพล ณ ลานอเนกประสงค์ ค่ายสมเด็จพระเอกาทศรถ อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก เวลา 13.00 น. – การแสดงก่อนเวลา ( การร้องเพลงของเยาวชน, การแสดงมังคละ, การแสดงเทิดพระเกียรติสมเด็จพระนเรศวรมหาราช และการแสดงสาธิตหน่วยทหารทรหด ) เวลา 14.05 น. – ทุกหน่วยเตรียมเคลื่อนย้ายออกจากที่รวมพล – ผู้บังคับกองผสมนำกำลังสวนสนามเข้าบริเวณพิธี – พิธีสวนสนามกระทำสัตย์ปฏิญาณตนต่อธงชัยเฉลิมพล
นอกจากนี้ ที่พระราชวังจันทน์ เนื่องในโอกาสการจัดงานแผ่นดินสมเด็จพระนเรศวรมหาราชและงานกาชาดจังหวัดพิษณุโลกประจำปี 2558 ได้การจัดการแสดงแสง เสียง Light and Sound ยอยศยิ่งฟ้า มหาราชแห่งแผ่นดิน ทั้งนี้เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนเรศวรมหาราช และแสดงความจงรักภักดีและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณแห่งองค์มหาราชผู้ทรงกอบกู้แผ่นดินและผู้ทรงคุณอันยิ่งใหญ่ต่อแผ่นดินไทย ซึ่งการแสดงแสง เสียง Light and Sound ยอยศยิ่งฟ้า มหาราชแห่งแผ่นดิน จะจัดการแสดง ในคืนวันที่ 17 – 19 มกราคม 2558 20.00- 21.30 น. โดยเปิดให้ชมฟรี ณ เวทีการแสดงบริเวณพระราชวังจันทน์ อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก