เมื่อเวลา 13.00 น. ของวันนี้(26 ส.ค.) พล.ต.ต.ธรรมนูญ เพชรบุรีกุล ผบก.ภ.จว.พิษณุโลก พ.ต.อ.สุนทร กมลพันธกฤษ์ รอง ผบก.ภ.จว.พิษณุโลก และ พ.ต.อ.สมชาย เกิดช้าง ผกก.สภ.เมืองพิษณุโลก ได้นำตัวกลุ่มผู้ต้องหาที่ใช้อาวุธปืนยิงนายฉัตรชัย อินทร์เทพ อายุ 21 ปี นักศึกษาชั้นปีที่ 4 คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม ที่อยู่ตามบัตรประชาชนเลขที่ 6 ม.6 ต.ป่าแดง อ.ชาติตระการ จ.พิษณุโลก เสียชีวิตเมื่อคืนที่ผ่านมา ทำการแถลงข่าวจำนวน 2 ราย ทราบชื่อต่อมาคือ นายเอกมล(เดี่ยว) สุนิลหงษ์ อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 111/2 ม.3 ต.บ้านโฮ่ง จ.แพร่ ซึ่งเป็นเจ้าของรถยนต์นิสสัน นาวารา สีดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ที่ใช้เป็นยานพาหนะในการก่อเหตุดังกล่าว และนายสมปอง มณีจันทร์ อายุ 57 ปี อยู่บ้านเลขที่ 87/2 ม.3 ต.สมอแข อ.เมือง จ.พิษณุโลก ซึ่งเป็นเจ้าของปืนและเป็นผู้ที่ลงมือก่อเหตุยิงปืนดังกล่าว
นายสมปอง มือปืนรายนี้ให้การว่า เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 25 สิงหาคม ที่ผ่านมา นายเอ(นามสมมุติ) อายุ 15 ปี บุตรชาย ได้ขี่รถจักรยานยนต์ไปซื้อไก่ทอดที่ตลาดนัดแถวบ้านมารับประทานแต่ขากลับปรากฏว่ามีกลุ่มวัยรุ่นได้ขวางหน้ารถคันดังกล่าวพร้อมกับใช้เก้าอี้ฟาดทำร้าย และเมื่อลูกชายของตนกลับบ้านมาเล่าให้ตนฟัง ทำให้เกิดบันดาลโทสะและโกรธแค้นแทนบุตรชาย จากนั้นให้นายเอกกมล ขับรถยนต์กระบะมารับที่บ้านพักก่อนที่จะนำอาวุธปืนลูกซองยาวและขึ้นไปนั่งที่ท้ายกระบะขับตระเวนตามหากลุ่มวัยรุ่นที่ทำร้ายลูกชายตนเอง จนกระทั่งมาถึงที่เกิดเหตุพบกลุ่มวัยรุ่นขับขี่รถจักรยายนต์ยนต์มาตามถนน จึงได้ใช้อาวุธปืนยิงใส่กลุ่มวัยรุ่นจำนวน 2 นัด แต่ไม่ทราบว่า กระสุนปืนไปถูกนายฉัตรชัยที่นั่งดื่มสุราอยู่ในบ้านพักเสียชีวิตได้อย่างไร ซึ่งหลังก่อเหตุตนก็ได้กลับไปนั่งดื่มสุราต่อที่ร้านทำเบาะไม่ไม่คิดว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต
ทางด้าน นายเอกกมลฯ ให้การว่าตามเวลาเกิดเหตุ หลังจากที่นายสมปองโทรศัพท์ให้มารับ ก่อนที่นายสมปอง จะโดดขึ้นไปนั่งท้ายกระบะหลัง โดยที่ตนเองไม่ทราบว่านายสมปองนำอาวุธปืนมาด้วย ขณะที่ตนเองจอดรถได้ยินเสียงปืนดังขึ้นจำนวน 2 นัด จากนั้นตนเองก็ขับรถพานายสมปอง กลับบ้านพักและนั่งดื่มสุราต่อ จนกระทั่งมาถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมในที่สุด
ในเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ปักใจเชื่อคำให้การของทั้งสองคน ก่อนที่จะแจ้งข้อหา ร่วมกันฆ่าผู้อื่นและพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตรตรองไว้ก่อน, มีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตและไม่มีเหตุอันควร ดำเนินคดีตามกำหมายต่อไป