โดย คมดงเสือ ( 9 พ.ย.54)
![DSC_2434-1](https://www.phitsanulokhotnews.com/wp-content/media/2011/11/DSC_2434-1-500x332.jpg)
สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ( 5-6 พ.ย.54) ที่ผ่านมา ผมได้มีโอกาส เดินทางไปเที่ยวต่างประเทศ นั่นก็คือ ประเทศเพื่อนบ้าน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (LAO) ซึ่งนับว่าเป็นครั้งที่สอง หลังจากเมื่อปี 2552 เคยเดินทางไปแล้วครั้งหนึ่ง แต่ก็อดติดใจไม่ไหว เมื่อพี่รุ่นใหญ่ ของนักข่าวของจังหวัดพิษณุโลก ได้ชวนอีกครั้ง ผมรั้งรอที่จะเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋า เดินทางไปกับพี่ๆ เขาด้วย เพราะว่าส่วนใหญ่ลาว นั้นมีเมืองที่น่าท่องเที่ยวหลายแห่ง ทั้งเวียงจันทน์ หลวงพระบาง ปากเซ่ เนื่องจากมีธรรมชาติ ประเพณี และวัฒนธรรม ที่น่าชมเป็นอย่างมาก
![1000](https://www.phitsanulokhotnews.com/wp-content/media/2011/11/1000-150x150.jpg)
![DSC_2645-1](https://www.phitsanulokhotnews.com/wp-content/media/2011/11/DSC_2645-1-500x332.jpg)
เราออกเดินทางกันตั้งแต่เช้าตีห้า เดินทางโดยรถตู้ 2 คันไปถึงเวียงจันทน์ เมืองหลวงสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ประมาณบ่าย 2-3 จากนั้นก็พักผ่อนที่โรงแรมอานุ พาลาได โฮเต็ล ในการเดินทางไปเวียงจันทน์ นั้นผมจะสนุกกับการอ่านตัวหนังสือของสองฝากฝั่งถนน เพราะว่าตัวหนังสือมีลักษณะใกล้เคียงกับอักษรไทย ทำให้ต้องอ่านตัวสะกดกันอย่างเมามันส์ทีเดียว
![DSC_243-1](https://www.phitsanulokhotnews.com/wp-content/media/2011/11/DSC_243-1-150x150.jpg)
นอกจากนี้สิ่งที่ผมชื่นชอบอีกอย่างหนึ่งคือ ตัวหนังสือท้ายรถยนต์แต่ละคัน เขาจะขึ้นด้วย “กำแพงพระนคร” กันทุกคัน ผมถามประวัติจากไกด์ หรือคนขับรถตู้ ว่าทำไมถึงต้องใช้คำนี้ ก็ได้ใจความว่า แต่เดิม เวียงจันทน์ (Vientiane) เป็น เมืองที่มีมาเก่าแก่ ตามตำนานการสร้างเมืองบางสำนวนกล่าวว่า มีฤาษีสามพี่น้องมาปักหลักไม้จันทน์หมายเป็นเขตสร้างบ้านแปงเมืองบริเวณนี้จึงได้ชื่อว่าเวียงจันทน์ พ.ศ. 2103 พระเจ้าไชยเชษฐาธิราชสถาปนาขึ้นเป็นราชธานีของอาณาจักรล้านช้างแทนเมืองเชียงดง-เชียงทอง (หลวงพระบาง) มีกษัตริย์ปกครองต่อเรื่อยมา จนกระทั่งลาวเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาเป็นคอมมิวนิสต์ นครเวียงจันทน์จึงได้รับแต่งตั้งเป็นเมืองหลวงของประเทศตั้งแต่ พ.ศ. 2518 นครเวียงจันทน์ตั้งอยู่ริมแม่น้ำโขง ตรงข้ามอำเภอศรีเชียงใหม่ จังหวัดหนองคาย เป็นเมืองที่ยังคงร่องรอยสมัยอาณานิคมอยู่มาก ถนนล้านช้างเป็นถนนสายสำคัญที่สุด สองฟากถนนเรียงรายไปด้วยสถานที่ทำการของรัฐบาล ธนาคาร บริษัทท่องเที่ยว ฯลฯ โดยอาคารบางส่วนเป็นตึกแบบยุโรปจากสมัยที่ลาวเป็นอาณานิคมของฝรั่งเศส
![DSC_2518-1](https://www.phitsanulokhotnews.com/wp-content/media/2011/11/DSC_2518-1-500x332.jpg)
คำว่า “ กำแพงพระนคร” นี้ผมชื่นชอบเป็นอย่างมาก เพราะว่าเป็นเอกลักษณ์ของประเทศนี้ทีเดียว
![DSC_2509-1](https://www.phitsanulokhotnews.com/wp-content/media/2011/11/DSC_2509-1-500x332.jpg)
![DSC_2514-1](https://www.phitsanulokhotnews.com/wp-content/media/2011/11/DSC_2514-1-332x500.jpg)
![DSC_2553-1](https://www.phitsanulokhotnews.com/wp-content/media/2011/11/DSC_2553-1-500x332.jpg)
![DSC_2570-1](https://www.phitsanulokhotnews.com/wp-content/media/2011/11/DSC_2570-1-500x332.jpg)
![DSC_2649-1](https://www.phitsanulokhotnews.com/wp-content/media/2011/11/DSC_2649-1-500x332.jpg)
![DSC_2574-1](https://www.phitsanulokhotnews.com/wp-content/media/2011/11/DSC_2574-1-500x332.jpg)
นอกจากนี้อาหารที่กำแพงพระนครเวียงจันทน์ นี้ก็มีเอกลักษณ์ไม่น้อยรสชาติออกหวาน แต่สิ่งสำคัญต้องมีกะปิ ไว้ตามโต๊ะอาหาร สร้างรสชาติหอมหวานเป็นอย่างมาก แต่ที่รุ่นพี่นักข่าว ของผมชื่นชอบไม่น้อย คือ ปลาหนัง หรือ ปลาไม่มีเกร็ด คนไทยเรียกว่าปลาเนื้ออ่อน นั่นเอง ราคาแพงมากครับ จานละ 70,000 กีบ หรือราคาประมาณ 280 บาท แต่ที่ราคาถูก คือเบียร์ลาว หรือ เบ้ยลาว มีราคาเพียง 40 บาทเท่านั้น เรียกว่ากินอาหารอร่อย แถมเมาเบียร์กันเพลินเลยครับ
![DSC_2539-1](https://www.phitsanulokhotnews.com/wp-content/media/2011/11/DSC_2539-1-500x332.jpg)
เช้าวันรุ่งขึ้น พวกเราได้เดินเล่นบริเวณโรงแรม เพื่อสัมผัสวิถีชีวิตยามเช้า ของชาวเมืองกำแพงพระนครเวียงจันทน์ ที่เป็นไปอย่างเรียบง่าย พวกเราได้เก็บภาพถ่ายได้อย่างสนุกสนาน ก่อนเดินทางกลับ ก็ไปกินแหนมเนืองที่ร้านชื่อดังของเมืองหลวงแห่งนี้ รสชาติอร่อย หอมหวาน หากใครได้รับประทานก็ติดใจหาโอกาสกลับไปกินใหม่
![DSC_2598-1](https://www.phitsanulokhotnews.com/wp-content/media/2011/11/DSC_2598-11-332x500.jpg)
หากใครยังไม่มีสถานที่ท่องเที่ยวในช่วงเริ่มเข้าหน้าหนาวนี้ นอกจากสัมผัสกับสถานที่เมืองไทยแล้ว ก็ลองเดินทางเลยไปทางหนองคาย ข้ามสะพานแม่น้ำโขง ไปเที่ยวเวียงจันทน์ กันดูได้นะครับ
//////