สองหนุ่มวินรถตู้พายเรือจากเขื่อนแควน้อยล่องแม่น้ำไปถวายความอาลัย

2เวลา 12.00 น. วันที่ 7 ธันวาคม 2559 ณ แม่น้ำน่าน หน้าวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ วรมหาวิหาร อ.เมือง จ.พิษณุโลก คณะของนางปัทมา  เอี่ยมสุวรรณ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดพิษณุโลก ว่าทีร้อยตรีอิทธิพล  บุบผะสิริ นายอำเภอเมืองพิษณุโลก รวมถึงจนท.กู้ภัยมูลนิธิประสาทบุญสถานพิษณุโลก  และหน่วยแพทย์จากโรงพยาบาลกรุงเทพพิษณุโลก ได้ร่วมให้การต้อนรับ 4นายสุรัตน์  สังยังข์ อายุ 50 ปี บ้านเลขที่ 209 ซอยชาววัง หมู่ 4 ต.ท้อแท้ อ.วัดโบสถ์ จ.พิษณุโลก  และ นายสมจิตร  เวียงอินทร์ อายุ 64 ปี บ้านเลขที่ 672 ถนนอนันฆนาค ต.ในเมือง อ.เมือง จ.กาฬสินธิ์ ที่พายเรือล่องแม่น้ำจากลำน้ำแควน้อยบำรุงแดน ต.คันโช้ง อ.วัดโบสถ์ จ.พิษณุโลก เป้าหมายพายเรือตามกระแสน้ำไปตามแม่น้ำน่าน แม่น้ำเจ้าพระยา มุ่งสู่กรุงเทพมหานคร เพื่อถวายความอาลัย กราบพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 95

โดยทั้งคู่ ได้เริ่มต้นพายเรือไฟเบอร์ จากแม่น้ำแควน้อย จากเขื่อนแควน้อยบำรุงแดน อ.วัดโบสถ์ จ.พิษณุโลก เมื่อเวลา 09.09 น. วันที่ 5 ธันวาคม 2559 มีนายอำเภอวัดโบสถ์และชาวอำเภอวัดโบสถ์ร่วมให้กำลังใจในการเริ่มปล่อยตัว กระทั่งเที่ยงวันนี้ เป็นวันที่สามของการพายเรือ มาสู่แม่น้ำน่าน ได้มาถึงบริเวณหน้าวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ  วรมหาวิหาร นายกเหล่ากาชาดจังหวัดพิษณุโลกให้การต้อนรับ และให้กำลังใจทั้งคู่ จากนั้น ไปพาขึ้นมากราบนมัสการ พระพุทธชินราช ในวิหารหลวงพ่อพระพุทธชินราช และ หน่วยแพทย์ของโรงพยาบาลกรุงเทพพิษณุโลก ได้ตรวจร่างกายทั้งคู่ จากนั้นได้พักรับประทานอาหารกลางวัน  และมีกำหนดการพายเรือต่อไปในบ่ายวันนี้  7

นายสุรัตน์ สังยังข์  เปิดเผยว่า ตนและสมจิตร มีอาชีพขับรถตู้วินฟิวเจอร์ปาร์ค-อนุสาวรีชัยฯ หลังจากพระองค์ท่านเสด็จสวรรคคต ตนรู้สึกซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่านเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะการพัฒนาแหล่งน้ำตามโครงการพระราชดำริต่าง ๆ ที่ทำประโยชน์ให้กับปวงชนชาวไทย จึงมีแนวคิดว่า อยากจะทำกิจกรรม เพื่อถวายความอาลัยต่อพระองค์ท่าน  จึงเริ่มเก็บข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องการพัฒนาแหล่งน้ำ และทำหนังสือถึงอธิบดีกรมชลประทานเพื่อขอความอนุเคราะห์ในการจัดกิจกรรมพายเรือ จากลำน้ำแควน้อย 10โดยเริ่มต้นจากเขื่อนแควน้อยบำรุงแดน อ.วัดโบสถ์ จ.พิษณุโลก ล่องตามลำน้ำแควน้อย แม่น้ำน่าน  แม่น้ำเจ้าพระยา เพื่อไปถวายความอาลัยต่อพระองค์ท่าน และได้รับความอนุเคราะห์จากอธิบดีกรมชลประทาน จากนั้นจึงชวนนายสมจิตร ที่ขับรถตู้ด้วยกัน ซึ่งก็ตอบรับในทันที จากนั้นก็เริ่มต้นเตรียมอุปกรณ์ โดยนำเรือไปเบอร์จากบ้านคุณแม่ที่ได้รับแจกเมื่อครั้งน้ำท่วมจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ขึ้นมาที่อ.วัดโบสถ์ จ.พิษณุโลก และเริ่มต้นพายล่องลำน้ำเรื่อยมา9

นายสุรัตน์ เผยต่อว่า เดิมวางเป้าหมายว่า 10 วัน จะพายเรือถึงแม่น้ำเจ้าพระยาที่กรุงเทพมหานคร แต่จากการพายสองวันแรกที่ผ่านมา กายพายลำบากมาก โดยเฉพาะช่วงแรกของลำน้ำแควน้อย น้ำไม่ค่อยไหล จึงต้องใช้แรงมาก แต่เมื่อมาถึงแม่น้ำน่าน น้ำเริ่มไหลแรงขึ้น จึงพายได้เร็วขึ้น แต่ก็ยังน่าห่วง เมื่อเข้าถึงแม่น้ำเจ้าพระยา ที่กระแสน้ำค่อนข้างแรง และเรือของเราก็เป็นลำเล็ก อาจจะโคลงเคลงหรือล่มได้  และคาดว่าจะใช้เวลาประมาณสองสัปดาห์จึงจะถึงจุดหมาย6

3

11

 

แสดงความคิดเห็น