วันที่ 1 ก.พ. 60 พลโท วิจักขฐ์ สิริบรรสพ แม่ทัพภาคที่ 3 เป็นประธานพิธีเปิดงานวาระจังหวัดด้าน “การป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่าเนื่องในวันอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ของชาติ พ.ศ.2560” ณ หอประชุมศรีวชิรโชติ มหาวิทยาลัยราชภัฎพิบูลสงคราม อ.เมืองพิษณุโลก
ทั้งนี้กองทัพภาคที่ 3/ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพภาคที่ 3 ร่วมกับจังหวัดพิษณุโลก โดยสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดพิษณุโลก ดำเนินการบูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในด้านการป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่าในพื้นที่จังหวัดพิษณุโลก ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานจากหน่วยงานต่างๆ เข้าร่วมกิจกรรมจำนวน 1,120 คน
ทั้งนี้ในปัจจุบันภัยคุกคามจากการลักลอบบุกรุกทำลายทรัพยากรป่าไม้และสัตว์ป่าอย่างรุนแรง และนับวันยิ่งจะทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น ทำให้พื้นป่าไม้ของจังหวัดพิษณุโลกถูกทำลายไปเป็นจำนวนมาก ส่งผลกระทบต่อความสมดุลทางธรรมชาติและระบบนิเวศ และสร้างปัญหาด้านอื่นๆ ตามมา เช่น ปัญหาฝนไม่ตกต้องตามฤดูกาล อุทกภัย ดินโคลนถล่ม และน้ำป่าไหลหลาก ดังเช่น การเกิดมหาอุทกภัยในปี พ.ศ.2554 ซึ่งสร้างความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนและทางราชการเป็นจำนวนมาก สาเหตุมาจากปัจจัยหลายด้าน เช่น การเพิ่มขึ้นของประชากร ความต้องการใช้ที่ดินเพื่อปลูกสร้างที่อยู่อาศัยและทำกิน และนโยบายส่งเสริมการปลูกพืชเศรษฐกิจ ส่งผลให้ราษฎรเข้าไปบุกรุกแผ้วถาง เผาป่า ยึดถือครอบครองพื้นที่ป่าไม้ นอกจากนี้ ยังมีนายทุนและผู้มีอิทธิพลทำการจ้างวานให้ราษฎรเข้าไปบุกรุกทำลายป่า เพื่อตัดไม้มีค่าที่เป็นที่ต้องการของตลาดต่างประเทศ และลักลอบส่งออกไปจำหน่ายยังต่างประเทศ รวมทั้งมีการว่าจ้างราษฎรให้บุกรุกจับจองที่ดิน และเปลี่ยนมือนำไปออกเอกสารสิทธิ์โดยไม่ชอบด้วยกฎหมายไปเป็นของนายทุน เพื่อทำเป็นบ้านพักตากอากาศ โรงแรม และรีสอร์ท ทำให้เกิดวงจรการบุกรุกทำลายป่าหมุนเวียนไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
โดยในช่วงเดือนมกราคม – พฤษภาคม พบว่าแต่ละปีเป็นช่วงหน้าแล้ง จะมีไฟป่าเกิดขึ้นอย่างรุนแรง ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ทำลายพื้นที่ป่าอย่างรวดเร็ว และเป็นการทำลายสภาพสมดุลของระบบนิเวศ ซึ่งการเกิดไฟป่าในแต่ละครั้ง จะทำลายลูกไม้ กล้าไม้เล็กๆ ในป่า ทำให้หมดโอกาสเติบโตเป็นไม้ใหญ่ ส่วนไม้ใหญ่ก็จะหยุดการเจริญเติบโต เนื้อไม้เสื่อมคุณภาพลง สภาพป่าที่อุดมสมบูรณ์จะเปลี่ยนสภาพเป็นพื้นที่โล่ง ทำให้สัตว์ป่าไม่มีที่อยู่อาศัย นอกจากการเกิดไฟป่าจะมีผลกระทบต่อการทำลายป่าให้เหลือน้อยลงแล้ว ยังก่อให้เกิดมลภาวะทางอากาศ และภัยแล้งตามมาอีกด้วย
แม่ทัพภาคที่ 3 กล่าวว่า ปีที่แล้ว 2559 เราสามารถลดหมอกควันไฟป่าจากปี 2558 ประมาณ 40 เปอร์เซ็นต์ โดยในปี 2560 เราควรจะลดได้อย่างน้อย 20 เปอร์เซ็นต์ถือเป็นวาระเร่งด่วนของภาคเหนือ เพราะในช่วงระหว่างหน้าหนาวและหน้าแล้ง ทั้งคนไทยและชาวต่างประเทศจะมาท่องเที่ยวที่ภาคเหนือ ในพื้นที่พิษณุโลกแหล่งท่องเที่ยวดีๆมีเยอะ และแหล่งท่องเที่ยวตามธรรมชาติจะประสบปัญหาภัยป่า และในวันนี้ทางจังหวัดพิษณุโลก และสำหนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมพิษณุโลก ได้ร่วมสัพกำลังทั้งหมด องค์กรเอกชน องค์ปกครองส่วนท้องถิ่น ภาคประชาชน และภาคสื่อมวลชน ในการช่วยกันรณรงค์ป้องกันไฟป่า ต้องให้เกิดน้อยที่สุด หรือไม่เกิดเลยเป็นสิ่งที่ดี ซึ่งจะใช้มาตรการด้านกฎหมายมาดำเนินการด้วย ซึ่งมี 9 จังหวัด ตาก แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา แพร่ น่าน อุตรดิตถ์ ลำปาง โดยเมื่อวันที่ 23ม.ค. ที่ผ่านมา ตนพร้อมคณะผู้บัญชาการทหารบก ได้เดินทางไปเยือนประเทศพม่า ตกลงกับผู้บัญชาการทหารสูงสุดพม่าเกี่ยวกับเรื่องไฟป่าต้องช่วยกัน ไม่ว่าไฟป่ามาจากมาไทย หรือไฟจากไทยไปพม่าจะช่วยกันดับและป้องกัน ซึ่งทางผู้บัญชาการทหารสูสุดของพม่าได้สั่งการไปแล้ว ปีนี้เราเตรียมการตั้งแต่เนิ่นๆ มาตรการต่างๆที่จะนำมาช้างด้านรัฐศาสตร์ นิติศาสตร์ น่าจะให้มาตรการป้องกันไฟป่าเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
ด้านนายศุภชัย เอี่ยมสุวรรณ ผู้ว่าราชการ จ.พิษณุโลก กล่าวว่า จังหวัดพิษณุโลกจะดำเนินการอย่างเข้มงวด ควบคุมกับการทำความเข้าใจให้กับพี่น้องประชาชน วันนี้หลังสร้างความรู้ความเข้าใจแล้ว สามารถจะนำนโยบายของแม่ทัพภาคที่ 3 ไปปฏิบัติอย่างมีประสิทธิภาพต่อไป