เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 1 มิถุนายน 2560 พล.ต.ต.ชวลิต ชาญเวชช์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 6 พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 6 ได้ร่วมกันแถลงข่าวจับกุมผู้ค้ายาเสพติดรายสำคัญ คือ นายมนตรี เหรือ ไก่ ปิยะพันธ์ อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 145/7 หมู่ที่ 5 ตำบลหัวรอ อำเภอเมืองจังหวัดพิษณุโลก และนางสาวเอ (นามสมมุติ) อายุ 17 ปี พร้อมของกลาง กัญชาอัดแท่ง บรรจุกล่องไปรษณีย์ จำนวน 44 กล่อง น้ำหนักรวม 71 กิโลกรัม มูลค่าประมาณ 426,000 บาท และยาบ้าจำนวน 202 เม็ด ราคาเม็ดละ 200 บาทมูลค่า 40,400 บาท
โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ แจ้งข้อหาร่วมกันมียาเสพติดประเภท 1 ยาบ้าไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย ร่วมกันพยายามจำหน่ายและร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 5 กัญชาไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย
ซึ่งการจับกุมครั้งนี้ทาง ชุดบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 6 ได้รับการประสานงานจากชุดปราบปรามยาเสพติดภูธรจังหวัดชลบุรีให้ติดตามผู้ต้องหาที่มีพฤติกรรมจำหน่ายยาเสพติดประเภทกัญชาอัดแท่งส่งผ่านทางไปรษณีย์ซึ่งมีต้นทางส่งจากจังหวัดพิษณุโลก ต่อมาได้สืบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานทราบว่านายมนตรี หรือ ไก่ ปิยะพันธ์จะนำกัญชาอัดแท่งส่งผ่านทางไปรษณีย์แห่งหนึ่ง พื้นที่ตำบลพลายชุมพล อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก เป็นประจำโดยจะใช้รถยนต์ยี่ห้อเชฟโรเลต ทะเบียน กม 6526 พิษณุโลกเป็นยานพาหนะส่งของ
ต่อเมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2560 เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบทราบว่าในช่วงบ่ายของวันเดียวกันนายมนตรีจะนำยาเสพติดกัญชามาส่งทางไปรษณีย์ให้กับลูกค้าจึงได้วางแผนทำการจับกุมและสามารถจับกุมตัวผู้ต้องหา พร้อมของกลางข้างต้น โดยทางกองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 6 เจ้าหน้าที่ป้องกันปราบปรามยาเสพติดภาค 6 ได้ตรวจยึดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับข้องเนื่องจากการกระทำความผิดจำนวน 12 รายการ เพื่อทำการตรวจสอบตามพระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิด เกี่ยวกับยาเสพติด พุทธศักราช 2534 และขยายผลไปผู้เกี่ยวข้องต่อไป
และจากการสอบสวนผู้ต้องหาทำให้ทราบว่าผู้ต้องหาส่งกัญชาอัดแท่งให้กับลูกค้าทางไปรษณีย์ได้ประมาณ 1 ปี โดยจะส่งกัญชาอัดแท่งประมาณเดือนละ 150 ถึง 200 กิโลกรัม ซึ่งรับกัญชาอัดแท่งมาจากภาคอีสานในกิโลกรัมละ 4,000 บาท แล้วแบ่งขายให้กับลูกค้าราคากิโลกรัมละ 6,000 ถึง 8,000 บาท โดยเอากัญชาใส่กล่องแล้วใส่สบู่หรือเครื่องสำอาง ปิดไว้ทำทีส่งเครื่องสำอางค์ขาย โดยระยะเวลา 1 เดือนผู้ต้องหาจะมีรายได้จากการขายกัญชาประมาณ 300,000 ถึง 400,000 บาท ซึ่งช่วงระยะเวลากระทำความผิด 1 ปีผู้ต้องหามีรายได้จากการขายกัญชาอัดแท่งประมาณ 5 ล้านบาท โดยลูกค้าส่วนใหญ่ จัดส่งไปทางจังหวัดทางภาคใต้ ที่อยู่ในกลุ่มจังหวัดพื้นที่ท่องเที่ยวทางทะเล ซึ่งทางจนท.ตำรวจได้เตรียมการขยายผลไปยังผู้รับซื้อปลายทางที่มีรายชื่อเป็นผู้สั่งซื้อกัญชาทางไปรษณีย์อีกด้วย นอกจากนี้เมื่อตรวจสอบ คอมพิวเตอร์ของผู้ต้องหายังพบว่ามีการกระทำความผิด โดยการซื้อขาย ทั้งยาบ้า อาวุธปืนในโลกโซเชียลอีกด้วย
ผู้สื่อข่าวสอบถามว่า ทางไปรษณีย์ไม่สามารถตรวจสอบพัสดุข้างในได้หรือว่าเป็นยาเสพติดหรือไม่ จนท.ตำรวจผู้แถลงข่าวตอบว่า ไม่สามารถตรวจสอบได้ และ ผู้ค้ารายนี้ ก็ใช้วิธีการส่งทางไปรษณีย์เอกชน และทำทีเป็นส่งสินค้าจำพวกเครื่องสำอาง แต่เมื่อได้เบาะแสว่ามีการส่งไปรษณีย์มาจากจังหวัดพิษณุโลก จึงประสานกับไปรษณีย์ และสามารถแกะลอยต้นทาง กระทั่งนำมาสู่การจับกุมครั้งนี้………………………………………………………………………………………………………………………………………