ทำไมต้องทิ้งรถหนี ..ตร.ไล่ตามเก๋งชนแล้วหนีคู่กรณี เหมือนไม่มีอะไร แต่กลับทิ้งรถหนีข้างทาง

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 27 ม.ค. พ.ต.ท.ธเนศ  เทียนแก้ว รอง ผกก.สส.สภ.แก่งโสภา จ.พิษณุโลก รับแจ้งมีรถยนต์เก๋งขับหนีด่านตรวจ บนถนนเส้นพิษณุโลก-หล่มสัก มุ่งหน้าเข้าสู่ อ.วังทอง บริเวณจุดตรวจแก่งจูงนาง หมู่ 7 ต.วังนกแอ่น อ.วังทอง หลังรับแจ้งจึงรุดตรวจสอบพร้อมประสานกำลังตำรวจทางหลวง พบรถเก๋งยี่ห้อโตโยต้า รุ่นยาริส  สีบรอนซ์-เงิน ทะเบียน กย 6831 ขอนแก่น สภาพจอดรถย้อนศรอยู่ริมไหล่ทางและมีร่องรอยเฉี่ยวชนที่สเกิร์ตหน้าฝั่งขวา ส่วนตัวคนขับพบว่าเป็นชาย 1 ราย ลักษณะคล้ายสาวประเภทสอง ได้วิ่งหลบหนีเข้าไปในป่าหญ้าริมทางซึ่งติดกับลำน้ำเข็ก ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้กระจายกันออกติดตามค้นหาเป็นเวลานานกว่า 1 ชม. แต่ก็ไม่พบตัวแต่อย่างใด

จากนั้นตรวจสอบภายในรถยนต์เก๋งไม่พบสิ่งผิดกฎหมายซุกซ้อนเอาไว้ แต่ทะเบียนด้านหน้ามีร่องรอยถูกขูดเลข 8 ออกจนคล้ายกับเลข 3 และทะเบียนด้านหลังถูกขูดหมวดจังหวัดออกไปจนหมดยากต่อการมองเห็น นอกจากนี้ยังเอาแผ่นทองคำเปลวปิดบังตัวเลขทะเบียนรถไว้อีกด้วย เจ้าหน้าที่จึงประสานรถยกมาลากจูงไปเก็บไว้ที่ สภ.แก่งโสภา

ด้าน ด.ต.เจษฎางค์  ภู่ทิม สังกัด ส.ทล.3 กก.5 บก.ทล เปิดเผยว่า ขณะเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจรับแจ้งว่ามีรถยนต์เก๋งขับเฉี่ยวชนกับรถยนต์คู่กรณีแล้วหลบหนีมุ่งหน้าจุดตรวจแก่งจูงนาง เมื่อคนขับเห็นตำรวจจึงวกรถกลับมาทางพื้นที่ หมู่ 3 บ้านบ่อ ต.วังนกแอ่น ตำรวจขับรถไล่ตามระยะทางไกลกว่า 10 กม. กระทั่งรถคันดังกล่าวขับย้อนศรมาจอดทิ้งเอาไว้ริมถนน แล้วจวนตัววิ่งหลบหนีไปเข้าไปในป่าหญ้าข้างทางโดยเอากุญแจรถติดตัวไปด้วย พบว่าลักษณะคล้ายสาวประเภทสอง ก่อนตำรวจจะกระจายกำลังกันออกค้นหาแต่ไม่พบตัว พร้อมตรวจสอบในรถก็ไม่พบสิ่งของผิดกฎหมาย ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้นำเลขทะเบียนรถไปตรวจสอบเพื่อหาตัวผู้ครอบครอง ว่าเคยเกี่ยวข้องกับคดีใดหรือไม่ ก่อนจะเชิญตัวมาสอบปากคำเพิ่มเติมเพื่อดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมาย ถึงสาเหตุที่แน่ชัดอย่างละเอียดต่อไป.

………………………………………………………………………………………

แสดงความคิดเห็น