เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 11 พฤศจิกายน 2563 ที่นิติเวชโรงพยาบาลพุทธชินราช ต.ในเมือง อ.เมือง จ.พิษณุโลก ญาติของ นายบุญถม นนทะโคตร์ อายุ 68 ปี และนายจันได มีดา อายุ 72 ปี ที่ถูกมือปืน คือ นายสมหมาย นุบุญมา อายุ 54 ปี ชาวบ้านในหมู่บ้านเดียวกันจ่อยิงจนเสียชีวิตทั้ง 2 ศพ และเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมตัวได้ในเวลาต่อมา ขณะที่กำลังนำอาวุธปืนไปซ่อนในยุ้งข้าว รับสารภาพตลอดข้อกล่าวหาว่าเป็นผู้ลงมือจริง เผยชนวนเหตุ คือแอบหลงรักสาววัย 45 ปี ซึ่งเป็นหลานของผู้เสียชีวิตทั้ง 2 คน มานานแต่ไม่มีทีท่าว่าสาวเจ้าจะเล่นด้วย ประกอบกับถูกผู้เสียทั้ง 2 คน คอยกีดกัน และห้ามปราบตลอดเวลา ตนจึงแค้น ตั้งใจจะใช้อาวุธปืนของตนเองมายิง 4 คน คือผู้เสียชีวิตทั้ง 2 คน และตัวของหญิงสาวที่ตนหลงรัก และตัวพี่เขยของหญิงที่ตนหลงรัก แต่ลูกปืนมีเพียง 2 ลูก จึงยิงได้แค่ 2 คนเท่านั้น
ขณะที่บรรยากาศการรับศพที่นิติเวช โรงพยาบาลพุทธชินราชพิษณุโลกนั้น เป็นไปด้วยความโศกเศร้า ลูกหลานมาร่วมรับศพผู้เสียชีวิต ซึ่งเป็นญาติกันทั้งหมด ต่างอยู่ในอาการเสียใจและยังยอมรับกับการจากไปอย่างกะทันหันของทั้ง 2 ศพไม่ได้
ด้านนายทองรัก นนทะโคตร์ อายุ 50 ปี บุตรชายของนายบุญถม นนทะโคตร์ ผู้เสียชีวิตรายแรก เล่าให้ฟังว่า นายบุญถมฯ มีลูก 3 คน ซึ่งแต่ละคนก็แยกครอบครัวออกมาแล้ว เหลือเพียงพ่อกับแม่อยู่ด้วยกัน วันเกิดเหตุแม่เล่าให้ฟังว่าพ่อนั้นกลับจากไปหาปลางมหอยมา ก็กำลังก้มล้างมือล้างขาอยู่แถวหน้าบ้าน และช่วงเวลานั้น นายสมหมายฯ มือปืนก็ขับรถจักรยานยนต์มาจอดหน้าบ้านแต่ไม่ดับเครื่อง แล้วก็ถือปืนมาซุ่มอยู่หน้าบ้าน แต่ของตนเห็นเขาจึงตะโกนสุดเสียงว่าอย่ายิงนะ สิ้นคำนายสมหมายก็ยิงพ่อของตัวเองทันที แล้วพ่อก็ล้มฟุบลงไปสิ้นใจทันทีส่วนตัวนายสมหมายฯ ก็เดินอย่างใจเย็นไปที่รถจักรยานยนต์ที่จอดไว้แล้วหักปืนเอาปลอกเดิมออกแล้วใส่กระสุนนัดใหม่เข้าไปแล้วก็ขับรถไปยิงนายจันได มีดา เป็นศพที่ 2
ด้านนางปรานอม ตันวีระพันธ์ อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 118/8 ม1 ต.ท่าทอง อ.เมือง จ.พิษณุโลก ลูกสาวคนเล็กของนายบุญถมฯ เล่าให้ฟังว่า จริงๆ แล้วตัวนายสมหมายฯ นั้นก็เปรียบเสมือนญาติ หากนับกันตั้งแต่รุ่นทวด ส่วนตัวแล้วก็ไม่ใช่คนหุนหันพลันแล่นอะไร เมื่อก่อนก็เคยมาทำงาน มาหาปลาอยู่กับพ่อของตนตลอด ไม่คิดจริงๆว่าจะมาก่อเหตุแบบนี้ ส่วนตัวแล้วนายสมหมายฯ ก็เคยมีครอบครัวแล้ว แต่หันไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดอยู่พักหนึ่ง ทำให้ครอบครัวก็แตกแยกกันไปนานแล้ว ส่วนตัวหญิงสาวอีกคนที่นายสมหมายฯ อ้างว่าเป็นชนวนเหตุนั้น ก็คือญาติของตนมีศักดิ์เป็นหลานของนายบุญถมฯ ก่อนหน้านี้ก็เคยมีครอบครัวแต่ก็เลิกรากันไปนานแล้ว และไม่เคยยุ่งเกี่ยวเชิงชู้สาวอะไรกับนายสมหมายฯ เพียงแต่พอรู้ว่านายสมหมายฯนั้นแอบชอบหญิงสาวญาติของตนมานานแล้ว และมักจะถูกพ่อของตน และนายจันไดฯ ห้ามปราบ และต่อว่าเป็นประจำ เพราะทั้ง 2 คนนั้นรักหลานสาวมาก จึงคิดว่าน่าจะเป็นชนวนเหตุที่ทำให้นายสมหมายฯลงมือก่อเหตุก็เป็นได้
โดยหลังจากนี้ก็จะนำร่างของผู้เสียชีวิตทั้ง 2 คนไปตั้งสวดพระอภิธรรม ที่บ้านของผู้เสียชีวิตทั้ง 2 หลังในพื้นที่ ต.ยางโกลน อ.นครไทย จ.พิษณุโลก ส่วนจะตั้งสวดศพกี่วันนั้นคงต้องหารือกับญาติๆ อีกครั้ง ส่วนตัวแล้วครอบครัวก็ให้อภัยผู้ก่อเหตุเพราะไม่อยากให้ติดค้างกันไป อยากให้ดวงวิญญาณของทั้ง 2 คนไปสู่สุขคติ ส่วนเรื่องคดีความนั้นก็ให้เป็นไปตามกฎหมายให้ถึงที่สุด เพราะครอบครัวเองก็ยังคงหวาดผวา หวั่นว่าหากนายสมหมายฯ พ้นโทษออกมา จะยังมีความแค้นอะไรหลงเหลืออีกหรือไม่
////////////////////////