ป.ป.ช.พิษณุโลก ฟัน วินัย-อาญา อดีตนายกเทศมนตรี-ปลัดเนินกุ่ม กับพวก 5 คน เบิกเท็จ

เมื่อวันที่ 29 มี.ค.66 ที่ห้องสมุดประชาชนเทศบาลนครพิษณุโลก นายสมยศ  กาสี ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ป.ป.ช.) ประจำจังหวัดพิษณุโลก แถลงข่าวสื่อมวลชนว่า คณะกรรมการป.ป.ช.มีมติที่มูลความผิดนางสนม ชาชาวนา เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีตำบลเนินกุ่ม อำเภอบางกระทุ่ม จังหวัดพิษณุโลก กับพวก รวม 5 คน เบิกจ่ายเงินโครงการฝึกอบรมและทัศนศึกษาดูงานผู้บริหาร สมาชิกสภาเทศบาล พนักงานเทศบาลลูกจ้างประจำ และพนักงานจ้างของเทศบาลตำบลเนินกุ่ม ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 เป็นเท็จ

โดยมีพฤติการณ์กระทำความผิด เทศบาลตำบลเนินกุ่ม อำเภอบางกระทุ่ม จังหวัดพิษณุโลก ดำเนินการศึกษาดูงานโครงการฝึกอบรมและทัศนศึกษาดูงาน  ผู้บริหาร สมาชิกสภาเทศบาล พนักงานเทศบาล ลูกจ้างประจำ และพนักงานจ้างของเทศบาลตำบลเนินกุ่มประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 จังหวัดชลบุรี และจันทบุรี ระหว่างวันที่ 25 – 27 กันยายน 2560 ผู้เข้าร่วมโครงการ รวม 79 คน ภายในวงเงินงบประมาณ 200,000 บาท (สองแสนบาทถ้วน) กำหนดการมีรายละเอียด ดังนี้

วันที่ 25 กันยายน 2560 จัดอบรมให้ความรู้ด้านวิชาการที่ห้องประชุมของสำนักงานเทศบาลตำบลเนินกุ่ม ชั้น 3 กำหนดการจัดอบรม ตั้งแต่เวลา 08.00 – 17.00 น. โดยภาคเช้าเป็นการบรรยายให้ความรู้  เรื่องการรับรู้ข้อมูลข่าวสาร ตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของทางราชการ พ.ศ. 2540 และกระบวนการมีส่วนร่วมการสร้างความเข้มแข็งและการแก้ปัญหาความขัดแย้งในชุมชนภาคบ่ายเป็นการบรรยายเรื่องแนวคิดและหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและการดำเนินการตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง

                  

วันที่ 26 – 27 กันยายน 2560 กำหนดให้เดินทางไปศึกษาดูงานนอกสถานที่ ที่จังหวัดชลบุรีและจังหวัดจันทบุรี  โดยมีการเบิกค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการ จำนวน 9 รายการ ดังนี้

  1. ค่าอาหารวันอบรม (วันที่ 25 กันยายน 2560) จำนวน 1 มื้อ มื้อละ 75 บาท จำนวน 79 คน เป็นเงิน 5,925 บาท
  2. ค่าอาหารว่างและเครื่องดื่มวันอบรม (วันที่ 25 กันยายน 2560) จำนวน 2 มื้อ มื้อละ 25 บาท จำนวน 79 คนเป็นเงิน 3,950 บาท
  3. ค่าสมนาคุณวิทยากร จำนวน 6 ชั่วโมง ชั่วโมงละ 600 บาท เป็นเงิน 3,600 บาท
  4. ค่าสมนาคุณในการดูงาน 2 แห่ง แห่งละ 1,500 บาท เป็นเงิน 3,000 บาท
  5. ค่าอาหารวันศึกษาดูงาน 2 วัน วันละ 300 บาท จำนวน 79 คน เป็นเงิน 47,400 บาท
  6. ค่าเช่าที่พัก จำนวน 1 คืน จำนวน 79 คน คนละ 750 บาทต่อคืน เป็นเงิน 59,250 บาท
  7. ค่าจ้างเหมารถโดยสารปรับอากาศ จำนวน 2 คัน คันละ 35,000 บาท เป็นเงิน 70,000 บาท
  8. ค่าวัสดุ เอกสาร ประกอบการฝึกอบรมและใช้ในโครงการ เป็นเงิน 1,580 บาท
  9. ค่าป้ายประชาสัมพันธ์โครงการ จำนวน 1 ป้าย เป็นเงิน 675 บาท

รวม 195,380  บาท (หนึ่งแสนเก้าหมื่นห้าพันสามร้อยแปดสิบบาทถ้วน)

 

จากการไต่สวนข้อเท็จจริง สรุปได้ว่าในการดำเนินการโครงการฝึกอบรมและทัศนศึกษาดูงาน ผู้บริหาร สมาชิกสภาเทศบาล พนักงานเทศบาล ลูกจ้างประจำ และพนักงานจ้างของเทศบาลตำบลเนินกุ่ม ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 ที่จังหวัดชลบุรี และจันทบุรี ระหว่างวันที่ 25 – 27 กันยายน 2560 นั้น มีการจัดทำเอกสารประกอบการเบิกจ่ายเงินเป็นค่าวัสดุอุปกรณ์ ค่าอาหาร ค่าอาหารว่างและเครื่องดื่ม ที่ใช้ในการอบรมในวันที่ 25 กันยายน 2560 เป็นเท็จ

เนื่องจากในวันที่ 25 กันยายน 2560 ไม่มีการแจกวัสดุอุปกรณ์ที่อ้างว่าจัดซื้อจากร้าน 99 เครื่องเขียน และไม่มีการจัดเลี้ยงอาหาร อาหารว่างและเครื่องดื่ม อีกทั้งไม่มีการจัดซื้อวัสดุอุปกรณ์ และไม่มีการจัดจ้างประกอบอาหาร อาหารว่างและเครื่องดื่ม ตามที่ปรากฏในเอกสารประกอบการเบิกจ่ายจริง  แต่เป็นการจัดทำเอกสารประกอบการเบิกจ่ายให้เชื่อว่ามีการจัดซื้อ จัดจ้าง ถูกต้องครบถ้วน และใช้เป็นเอกสารประกอบการเบิกจ่ายเงินในโครงการฯ เพื่อขออนุมัติเบิกจ่ายเงินในโครงการฯ และเป็นการจัดทำเอกสารประกอบการเบิกจ่าย และจัดทำฎีกาเบิกจ่ายเงินโครงการฯ ขึ้นล่วงหน้าก่อนที่จะมีการจัดอบรม การกระทำดังกล่าวเป็นเหตุ  ให้เทศบาลตำบลเนินกุ่ม ได้รับความเสียหาย

คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้มีมติในการประชุมครั้งที่ 16/2566 เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2566 ได้พิจารณาสำนวนการไต่สวนข้อเท็จจริงดังกล่าวแล้ว มีมติ ดังนี้  นางสนม  ชาชาวนา เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีตำบลเนินกลุ่ม ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 มีมูลความผิดทางอาญาฐานเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด ๆ ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่รัฐ เทศบาล สุขาภิบาลหรือเจ้าของทรัพย์นั้น และฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 และมาตรา 157 และมีมูลความผิดฐานปฏิบัติการฝ่าฝืนต่อความสงบเรียบร้อยหรือสวัสดิภาพของประชาชน ละเลยไม่ปฏิบัติตามหรือปฏิบัติการไม่ชอบด้วยอำนาจหน้าที่หรือมีความประพฤติในทางจะนำมาซึ่งความเสื่อมเสียต่อศักดิ์ตำแหน่ง หรือแก่เทศบาล หรือแก่ราชการ ตามพระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ. 2496 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 73

 

 

นายกันต์ชัย สนแย้ม ปลัดเทศบาลตำบลเนินกลุ่ม ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 และนายณัฐนนท์ วงชื่น เจ้าพนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ผู้ถูกกล่าวหาที่ 4 มีมูลความผิดทางอาญาฐานเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใดๆ ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่รัฐ เทศบาล สุขาภิบาลหรือเจ้าของทรัพย์นั้น ฐานเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต และฐานเป็นเจ้าพนักงาน  มีหน้าที่ทำเอกสาร รับเอกสาร หรือกรอกข้อความลงในเอกสาร กระทำการรับรองเป็นหลักฐานว่าตนได้กระทำการอย่างใดขึ้นหรือว่าการอย่างใดได้กระทำต่อหน้าตนอันเป็นความเท็จ และรับรองเป็นหลักฐาน ซึ่งข้อเท็จจริงอันเอกสารนั้นมุ่งพิสูจน์ความจริงอันเป็นความเท็จ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 มาตรา 157 และมาตรา 162 (1) (4)

 

มีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรงฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้ตนเองหรือผู้อื่นได้ประโยชน์ที่มิควรได้ อันเป็นการทุจริตต่อหน้าที่ราชการและไม่ปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นไปตามกฎหมาย กฎ ระเบียบของทางราชการ    มติคณะรัฐมนตรีและนโยบายของรัฐบาล ตามประกาศคณะกรรมการพนักงานเทศบาลจังหวัดพิษณุโลก (ก.ท.จ.พิษณุโลก) เรื่อง หลักเกณฑ์และเงื่อนไขเกี่ยวกับวินัย และการรักษาวินัยและการดำเนินการทางวินัย พ.ศ. 2559 ลงวันที่ 19 มกราคม 2559 ข้อ 7 และข้อ 10

 

นางสาวมณีรัตน์ ปิตกาญจนกุล รองปลัดเทศบาลตำบลเนินกุ่ม ผู้ถูกกล่าวหาที่ 3

 

มีมูลความผิดทางอาญาฐานเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่   ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต และฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ทำเอกสารรับเอกสาร   หรือกรอกข้อความลงในเอกสาร กระทำการรับรองเป็นหลักฐานว่าตนได้กระทำการอย่างใดขึ้น หรือว่าการอย่างใด ได้กระทำต่อหน้าตนอันเป็นความเท็จ และรับรองเป็นหลักฐานซึ่งข้อเท็จจริงอันเอกสารนั้นมุ่งพิสูจน์ความจริงอันเป็นความเท็จ และ    ฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด ๆ ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่รัฐ เทศบาล สุขาภิบาลหรือเจ้าของทรัพย์นั้น ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และมาตรา 162 (1) (4) และมาตรา 151 ประกอบมาตรา 86

 

มีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรงฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้ตนเองหรือผู้อื่นได้ประโยชน์ที่มิควรได้ อันเป็นการทุจริตต่อหน้าที่ราชการและไม่ปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นไปตามกฎหมาย กฎ ระเบียบของทางราชการ  มติคณะรัฐมนตรีและนโยบายของรัฐบาล ตามประกาศคณะกรรมการพนักงานเทศบาลจังหวัดพิษณุโลก (ก.ท.จ.พิษณุโลก)    เรื่อง หลักเกณฑ์และเงื่อนไขเกี่ยวกับวินัย และการรักษาวินัย และการดำเนินการทางวินัย พ.ศ. 2559 ลงวันที่ 19 มกราคม  2559 ข้อ 7 และข้อ 10

 

นางสาวขวัญพัฒน์  ประจงสีละวัฒน์ หรือจันทะพาหะ นักจัดการงานทะเบียนและบัตร ผู้ถูกกล่าวหาที่ 5  มีมูลความผิดทางอาญาฐานเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่   ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต และฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ทำเอกสาร รับเอกสารหรือกรอกข้อความ   ลงในเอกสาร กระทำการรับรองเป็นหลักฐานซึ่งข้อเท็จจริงอันเอกสารนั้นมุ่งพิสูจน์ความจริงอันเป็นความเท็จ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และมาตรา 162 (4)

 

มีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรงฐานไม่ปฏิบัติหน้าที่ราชการด้วยความอุตสาหะ เอาใจใส่ รักษาประโยชน์ของทาราชการ และประมาทเลินเล่อในหน้าที่ราชการอันเป็นเหตุให้เสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง ตามประกาศคณะกรรมการพนักงานเทศบาลจังหวัดพิษณุโลก (ก.ท.จ.พิษณุโลก) เรื่อง หลักเกณฑ์และเงื่อนไขเกี่ยวกับวินัยและการรักษาวินัย และการดำเนินการทางวินัย พ.ศ. 2559 ลงวันที่ 19 มกราคม 2559 ข้อ 9 วรรคหนึ่ง และวรรคสอง

 

นางสาวจรรย์ณธร  เจริญภาพ พนักงานจ้างตามภารกิจ  ผู้ถูกกล่าวหาที่ 6 ไม่ปรากฏพยานหลักฐานเพียงพอที่จะฟังได้ว่าได้กระทำความผิดตามที่กล่าวหา ข้อกล่าวหาไม่มีมูลให้ข้อกล่าวหาตกไป

 

โดยให้กันนางสาวสุพรรณิการ์ ตุ้มประสิทธิ์ พนักงานจ้างตามภารกิจ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 7 ไว้เป็นพยาน  โดยไม่ดำเนินคดี ตามประกาศคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติเรื่องหลักเกณฑ์วิธีการและเงื่อนไขในการ   กันบุคคลไว้เป็นพยาน โดยไม่ดำเนินคดี พ.ศ. 2561 ข้อ 13 วรรคหนึ่ง

 

ให้ส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน สำเนาอิเล็กทรอนิกส์ และคำวินิจฉัยไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินคดีอาญาในศาลซึ่งมีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาคดี กับนางสนม  ชาชาวนา นายกันต์ชัย  สนแย้ม นางสาวมณีรัตน์  ปิตกาญจนกุล นายณัฐนนท์ วงค์ชื่น และนางสาวขวัญพัฒน์ประจงสีละวัฒน์ หรือจันทะพาหะ ส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน และคำวินิจฉัยไปยังผู้บังคับบัญชา เพื่อพิจารณาโทษทางวินัยกับนายกันต์ชัย สนแย้ม นางสาวมณีรัตน์ ปิตกาญจนกุล นายณัฐนนท์ วงค์ชื่น และนางสาวขวัญพัฒน์ ประจงสีละวัฒน์ หรือจันทะพาหะ และส่งสำนวนการไต่สวน และเอกสารหลักฐานพร้อมความเห็นไปยัง ผู้มีอำนาจแต่งตั้งถอดถอนเพื่อดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจกับนางสนมชาชาวนาตามฐานความผิดดังกล่าวตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 91 (1) (2) และมาตรา 98 แล้วแต่กรณีต่อไป และให้แจ้งผลการพิจารณาของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ให้สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ทราบด้วย

 

ทั้งนี้ ให้แจ้งผู้บังคับบัญชาดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจเพื่อให้มีการชดใช้ ค่าเสียหายตามพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539

การชี้มูลความผิดทางอาญาของคณะกรรมการ ป.ป.ช.ยังไม่ถือเป็นที่สุด ผู้ถูก กล่าวหายังเป็นผู้บริสุทธิ์  จนกว่าจะมีคำพิพากษาของศาลอันถึงที่สุด

แสดงความคิดเห็น