ฟ้องอภิสิทธิ์รัฐบาลบริหารน้ำยิ่งเละ

เวลา 11.30 น.18 พย.2554 ที่วิสาหกิจชุมชนผู้ปลูกไม้ดอกไม้ประดับบ้านคลองวัดไร่ ม.4 ต.บางระกำ อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก คณะของนายอภิสิทธิ์  เวชาชีวะ หน.พรรคประชาธิปัตย์ ได้เดินทางมารับประทานอาหารกลางวัน หลังจากร่วมงานฟื้นฟูโรงเรียนวัดท่าโกเสร็จแล้ว โดยคณะของนายอภิสิทธิ์ ได้นั่งล้อมวงรับประทานอาหารกลางวัน และเปิดโอกาสให้ชาวบางระกำได้ร่วมแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์น้ำท่วมช่วงที่ผ่านมาในวงข้าวด้วย

 

 

มีชาวบ้านรายหนึ่ง ชื่อ นาง มณีชน แซ่ด่าน อายุ 62 ปี ภูมิลำเนาอยู่ อ.เมือง จ.พระนครศรีอยุธยา อยุธยา ได้คว้าไมลโครโฟนขอพูดคุยกับ นายอภิสิทธิ์ระหว่างรับประทานข้าวว่า “ตนบ้านอยู่ตัวเมืองอยุธยา หนีน้ำท่วมมาอยู่กับญาติที่บางระกำ จะกลับอยุธยาอาทิตย์นี้แล้ว อยากจะฝากบอกนายอธิสิทธิ์ว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่เชื่อ พระราชดำรัส ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ว่าน้ำจะท่วมหรือไม่ ชอบทำอะไร ชอบสวนทาง ตอนนี้น้ำท่วมไปหมด แก้ปัญหาไม่ได้ ตนไม่เรียก”ยิ่งลักษณ์”แต่ตนเรียกว่า”ยิ่งเละ”

 

จากนั้นคณะอภิสิทธิ์ก็ซักถามว่า บ้านอยู่ไหน? นาง มณีชน แซ่ด่าน ย้ำว่า ตนอยู่ในตัวเมืองอยุธยา ที่น้ำท่วมหนักจนอยู่ไม่ได้ ต้องมาอยู่บางระกำ

 

ขณะที่ นายสุมาลี กลิ่นจันทน์  และนายเชาว์ พันเปี่ยม ชาวบ้านชุมแสงสงคราม อ.บางระกำ ได้พูดกลางวงข้าวกับนายอภิสิทธิ์เช่นกันว่า ที่บ้านผม มีผู้ใหญ่บ้านกินหัวคิวค่าชดเชยน้ำท่วมไร่ละ 2 พันเศษๆ ทุกคนจ่ายเป็นเงินสด ที่บ้านผมที่นาชาวบ้านเป็น 100 ไร่ๆ ก็ถามว่า เขาได้ไปเท่าใด เรื่องนี้ ผมไปแจ้งความไป คดีไม่คืบหน้า ไม่เคยเอาผมไปสอบ ผมแจ้งความเป็นเดือน ผมไปขอเอกสารก็ไม่ยอมให้

 

นอกจากนี้นายสุมาลี ยังโชว์ภาพบ้านเรือนที่ถูกน้ำท่วมกลับไม่ได้รับเงินช่วยเหลือเงินทำท่วม แต่บ้านเรือนที่น้ำไม่ท่วม กลับได้รับเงินชดเชย เพราะว่า เขาไม่ใช่พวก ทำให้ไม่ได้รับเงิน  

 

ขณะที่ชาวบ้านอีกรายหนึ่งแสดงความคิดเห็นว่า บางระกำโมเดล ที่เริ่มต้นในรัฐบาลนี้ เป็นสิ่งที่คิดมาจากข้างบน ชาวบ้านระดับล่างไม่เข้าใจ ไม้รู้ถึงแนวทางการแก้ปัญหาที่ชัดเจน อยากให้ฟังความเห็นของชาวบางระกำด้วยว่า ปัญหาน้ำท่วมไม่ใช่ปัญหาของชาวบ้างระกำ ชาวบางระกำไม่เดือดร้อนมากหรอก เพราะเป็นวิถีชีวิตของชาวบางระกำ ที่อยากให้ช่วยคือน้ำแล้ง ภัยแล้ง กลัวไม่มีน้ำทำนามากกว่า อยากให้รัฐบาลแก้ปัญหาเรื่องภัยแล้งมากกว่า

แสดงความคิดเห็น