มหกรรมอาเซียน

หากถามว่ารู้จักประชาคมอาเซียนหรือไม่อาจยังพอมองเห็นคนพยักหน้าพอสมควรแต่หากถามต่อไปอีกว่าประชาชนอาเซียนคืออะไรและอย่างไรอาจทำให้จำนวนคนที่พยักหน้าลดลงไปกว่าครึ่ง หรือหากได้คำตอบไม่มิอาจแน่ใจว่าสัดส่วนในฝั่งที่มากกว่าจะเป็นกลุ่มของผู้รู้จริงหรือไม่ จนนำไปสู่คำถามถึงความพร้อมของประเทศไทยในการก้าวเข้าสู่ประชาคมอาเซียน

วันนี้”ประชาคมอาเซียน” ไม่ใช่เรื่องไกลตัวหรือเรื่องของใครแต่จากนี้จะเป็นเรื่องของทุกๆคน สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 1 มีนาคม พ.ศ.2552 ผู้นำอาเซียนได้ลงนามรับรองปฏิญญาชะอำ หัวหิน ว่าด้วยแผนงานจัดตั้งประชาคมอาเซียน (ค.ศ. 2009-2015) เพื่อจัดตั้งประชาคมอาเซียนภายในปี 2558 ซึ่งนำไปสู่การทลายกำแพงในมิติต่างๆและเปิดกว้างเพื่อเสรีภาพและเข้าใจสังคมอุดมคติที่ว่าด้วยเรื่องไร้พรหมแดนมากยิ่งขึ้นประชาคมอาเซียนประกอบด้วยเสาหลัก 3 เสาที่ประกอบไปด้วย
1.ประชาคมการเมืองและความมั่นคงอาเซียน (ASEAN Security Community – ASC)
2.ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic Community – AEC)
3. ประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน (ASEAN Socio-Cultural Community – ASCC)

ในมุมเล็กของสังคม กลุ่มคนเล็กๆกลุ่มหนึ่งตระหนังถึงการให้ความสำคัญในการเปิดรับเพื่อเรียนรู้และเพิ่มศักยภาพในการปรับตัวเพื่อเท่าทันการเปลี่ยนแปลงทางสังคมวัฒนธรรม รวมถึงส่งเสริมการเรียนรู้นอกห้องเรียนของเยาวชนด้วยการทำงานรวมกลุ่มใช้การทำงานร่วมกันเพื่อนำประสบการณ์มาเรียนรู้เพื่อก่อเกิดองค์ความรู้ใหม่ที่ได้จากการลงมือทำ โดยในวันที่ ๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕ นี้รายวิชาสังคมและวัฒนธรรม คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลันเรศวร ร่วมกับผู้ใหญ่ใจดีจากองค์กรภายนอกร่วมกันสมทบทุนและน้ำใจกัน จัดพื้นที่การเรียนรู้ผ่านงาน “มหกรรมอาเซียน:เยาวชนคนรักษ์ภาษา สังคมและวัฒนธรรม” เพื่อสร้างมิติการเรียนรู้ของผู้เรียนเองและเป็นการแลกเปลี่ยนสื่อสารข้อมูลในประเด็นภาษา สังคมและวัฒนธรรมกับบุคคลภายนอกรวมถึงนำเสนอองค์ความรู้ด้านต่างๆเพื่อหนุนเสริม ตั้งรับ เตรียมพร้อมแบ่งปันความรู้ข้ามข่ายระหว่างผู้เรียน ผู้รู้และผู้สนใจต่างๆ โดยภายในงานมีการบรรยายพิเศษหัวข้อ “อาเซียนกับเยาวชนไทย” และการแสดงของนิสิตและกิจกรรมเติมเต็มความรู้เกี่ยวกับประเด็นประชาคมอาเซ๊ยนในมิติภาษา สังคมและวัฒนธรรมอื่นๆอีกมากมาย สำหรับพื้นที่จัดมหกรรมครั้งนี้จัดขึ้นที่ โรงละครเฉลิมพระเกียรติและอาคารเรียนรวม (QS) มหาวิทยาลัยนเรศวร พิธีเปิดเริ่มเวลา ๑๐.๐๐ น. 

แสดงความคิดเห็น