ทึ่งฟาร์มเลี้ยงลูกอ๊อดเงินแสนที่อ.นครไทย

ลูกอ๊อด หรือ ลูกฮวด ฟาร์มเลี้ยงที่ต.บ้านพร้าว อ.นครไทย จ.พิษณุโลก ขายได้ราคางาม กก.ละ 200 บาท
ลูกอ๊อดตัวอ้วนพลีอายุ 20 วัน พร้อมจับขาย ชาวนครไทยนิมยมทำกินหลายเมนู

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงนี้เริ่มฝนตกอย่างต่อเนื่อง ทำให้ชาวบ้าน อ.นครไทย จ.พิษณุโลก ได้มีการหาสิ่งของมาขายสร้างรายได้ในช่วงหน้าฝนนี้ และทุกๆปี จะมีชาวบ้าน อ.นครไทย เมื่อถึงฤดูฝนก็จะมายึดอาชีพขายอ๊อด หรือ ลูกกบในช่วงวัยที่ยังอยู่ในน้ำ มีหาง ยังไม่มีขา ที่ภาษาพื้นถิ่นของอ.นครไทย เรียกว่า ลูกฮวด เนื่องจากชาว อ.นครไทย นิยมบริโภคลูกฮวดกันอย่างมาก และที่สำคัญขณะนี้ลู กฮวด หรือลูกอ๊อด หรือ ลูกกบ มีราคาจำหน่ายในท้องตลาดสูง ก.ก.ละ 200 บาททีเดียว ขณะที่กบตัวโตเต็มวัย ที่ใช้เวลานานกว่าและสิ้นเปลืองอาหารมากกว่า กลับขายได้เพียงกก.ละ 100 บาท

วรรณา ตันตุลา ชาวต.บ้านพร้าว อ.นครไทย จ.พิษณุโลก ทำฟาร์มเลี้ยงลูกอ๊อดขายมา 8 ปีแล้ว รายได้งามปีละแสนบาท

 

นางวรรณา ตันตุลา อายุ 39 ปี บ้านเลขที่ 17 ม.3 บ้านป่าซ่าน ต.บ้านพร้าว อ.นครไทย จ.พิษณุโลก กล่าวว่า ตนเองได้ทำฟาร์มเพาะเลี้ยงลูกอ๊อด หรือลูกฮวด ฮวด ขายมานานกว่า 8 ปี ซึ่งจะสลับกับการทำนา และเลี้ยงปลานิล เมื่อถึงเดือนมีนาคมของทุกปี  ก่อนที่จะเข้าสู่ฤดูฝน กบก็เริ่มจะวางไข่ และกลายเป็นลูกฮวดในเวลา 7 วัน จากนั้นก็จะเริ่มขายได้ โดยลูกฮวดที่มีขนาด 20 วัน จะขายได้ในราคา ก.ก.ละ 200 บาท ส่วนตัวที่มีขนาด 20 วันขึ้นไป กลายเป็นกบตัวเล็ก ๆ ขึ้นมาบนบกแล้ว ก็จะสามารถขายได้ตัวละ 1  บาท นอกจากนี้หากลูกฮวด โตจนกลายเป็นกบ ก็จะสามารถขายได้กิโลกรัมละ 100 บาท ซึ่งในช่วงนี้ตนเองขายลูกฮวด ได้วันหนึ่งไม่ต่ำกว่า 20-30 ก.ก.ทีเดียว ส่วนกบนั้นจะขายไม่ค่อยได้ เนื่องจากมีคนนิยมนำลูกฮวด ไปรับประทานมากกว่า โดยเมนูที่นิยมนำลูกฮวดไปรับประทาน ก็คือ ยำลูกฮวด หมกลูกฮวด ลูกฮวดแกงใส่หน่อไม้ดอง เป็นต้น ซึ่งจะมีรสชาติอร่อย หอม ยกเว้นเมนูทอด ที่ไม่นิยม เป็นเมนูที่ถูกปากชาวอ.นครไทย หากินได้ในช่วงฤดูฝนเท่านั้น

บ่อผสมพันธุ์ เพาะลูกอ๊อดได้ 5 เดือน มีนาคม-กรกฏาคม

 

บ่อดินเลี้ยงลูกอ๊อดให้ได้อายุ 20 วัน ก็จับขายได้

นางวรรณา กล่าวอีกว่า ตนยังสามารถขายพ่อพันธุ์แม่พันธุ์กบ ที่พร้อมออกไข่ได้เลย ในราคาตัวละ500 บาท ซึ่งเรียกว่าในขณะนี้มีรายได้ดีเป็นอย่างมากกว่า การทำนา ส่วนการตลาดนั้น ในทุกวันก็จะมีคนมารับซื้อลูกฮวดถึงที่บ้าน บางวันตนก็จะนำไปขายตามตลาดนัด ตลาดสดเทศบาลตำบลนครไทย ซึ่งแต่ละวันตั้งร้านขายไม่ถึงชั่วโมง ลูกฮวด ก็หมดแล้ว บางวันตนเองก็มาเอาลูกฮวดไปขาย 2-3 รอบทีเดียว

 

สำหรับการทำฟาร์มเพาะเลี้ยงลูกฮวดของนางวรรณา นั้น ใช้พื้นที่หลังบ้านพักเนื้อที่ ประมาณ 1 ไร่ มีบ่อปูนสำหรับเป็นที่ผสมพันธุ์ของพ่อพันธ์จำนวน 400 ตัว และแม่พันธุ์จำนวน 500 ตัว และบ่อปูนสำหรับใช้อนุบาลลูกอ๊อด อายุ 1-7 วัน อีกจำนวน 4 บ่อ และมีบ่อดินที่ใช้สำหรับเลี้ยงลูกอ๊อดที่อายุ 8-20 วัน อีกจำนวน 3 บ่อ

บ่อปูนเลี้ยงลูกอ๊อดอายุ 1-7 วัน

 

การเพาะเลี้ยงลูกอ๊อดที่ฟาร์มของนางวรรณานั้น เริ่มทำได้ตั้งแต่เดือนมีนาคม-กรกฏาคมของทุกปี เริ่มจาก นำพ่อแม่พันธ์มาใส่รวมกันในบ่อปูนเป็นเวลา 1 วัน เมื่อพ่อแม่พันธ์ผสมพันธุ์กันแล้ว นำพ่อแม่พันธ์ออก ในเวลาแค่ 1 วัน ไข่ก็จะเป็นลูกอ๊อดตัวเล็ก ๆ เลี้ยงในบ่อนุบาลนี้จำนวน 7 วัน โดยเลี้ยงด้วยไข่ตุ๋น เมื่อลูกอ๊อดอายุย่างเข้าวันที่ 8  ก็จะนำมาเลี้ยงในบ่อดินต่ออีก โดยเลี้ยงด้วยอาหารกบ จนถึงอายุ 20 วัน ก็จะได้ลูกอ๊อดตัวอ้วนพลี ขนาดความยาวประมาณ 3 เซนติเมตร เป็นระยะที่นิยมบริโภค มีคนมารับซื้อถึงที่ หรือไม่ก็ช้อนและนำไปใส่ตู้ปลาขายในตลาดสดเทศบาลนครไทย

 

ลูกอ๊อดอายุ 20 วัน และกบตัวเล็ก ตัวละ 1 บาท ขายดีมาก

และในตลอดระยะเวลา 5 เดือน นางวรรณา จะทำการผสมพันธุ์กบเพื่อผลิตลูกอ๊อดในทุก ๆ 7 วัน จะทำอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ จนถึงเดือนกรกฏาคม เมื่อกบหมดช่วงผสมพันธุ์ ขณะที่เวลาที่ว่างจากนั้น ก็จะนำปลาดุก ปลานิลมาเพาะเลี้ยงขาย และทำนา ทำไร่ข้าวโพดไปด้วย จนมาถึงเดือนมีนาคมของปีถัดไป ก็จะเริ่มเพาะเลี้ยงลูกอ๊อดขายอีก ส่วนพ่อพันธุ์-แม่พันธุ์กบนั้น มีอายุในการเพาะในระยะเวลา 2 ปี ก็จะผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนไปเรื่อยจากกบในฟาร์ม พ่อแม่พันธ์ที่หมดอายุ นำขายเป็นกบเนื้อ ราคากิโลกรัมละ 100 บาท

เลี้ยงเป็นกบใหญ่ขนาดนี้ขายไก้ กก.ละ 100 บาท เลี้ยงลูกอ๊อด 20 วัน ขายได้ กก.ละ 200 บาท

/////

 

แสดงความคิดเห็น