ชาวนาแจ้งความถูกแอบอ้างเอาชื่อเปิดหจก.

เมื่อเวลา  10.00 น. วันที่ 12 มิ.ย. 2555 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีกลุ่มชาวบ้าน ม.8 ต.บ้านกร่าง อ.เมือง จ.พิษณุโลก จำนวน 23 ราย  เดินทางเข้าแจ้งความกับ ร.ต.ท.ปฐมพงษ์  มีอยู่ ร้อยเวร สภ.เมืองพิษณุโลก เพื่อลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน และจะนำบันทึกประจำวันไปยื่นให้กับสำนักงานพัฒนาธุรกิจการค้าจังหวัดพิษณุโลก  เพื่อดำเนินตามขั้นตอน และคัดชื่อชาวบ้านทั้งหมด ออกจากการจดทะเบียนนิติบุคคลห้างหุ้นส่วนจำกัด ที่นำชื่อไปจดทะเบียน โดยที่ชาวบ้านไม่ทราบมาก่อน

 

ทั้งนี้เนื่องจาก ชาวบ้านได้รับหนังสือส่งมาทางไปรษณีย์ แจ้งจากสำนักงานพัฒนาธุรกิจการค้าจังหวัดพิษณุโลก ถนนวังจันทน์ ตั้งอยู่อาคารศาลากลาง ชั้น 4  อ.เมือง จ.พิษณุโลก โดยได้แจ้งให้ส่งงบการเงินและชำระค่าปรับ ต่อสำนักงานกลางบัญชี หรือสำนักงานบัญชีประจำท้องที่ (สำนักงานพัฒนาธุรกิจการค้าจังหวัดพิษณุโลก) หากไม่ยื่นภายในเวลาที่กฎหมายกำหนด มีอัตราโทษปรับไม่เกิน 50,000 บาท ทำให้ชาวบ้านต่างมีความกังวลใจ กังวนใจว่าจะถูกดำเนินคดีและถูกปรับเป็นเงินจำนวนมาก ทั้งที่ไม่มีใครเคยจดทะเบียนในรูปห้างหุ้นส่วนจำกัดแต่อย่างใดและส่วนใหญ่ต่างประกอบอาชีพทำนา และไม่เคยรับทราบมาก่อนเลยว่า ถูกแอบอ้างนำชื่อไปจดทะเบียนนิติบุคคล

 

นายมาโนช ช่างพินิจ ผู้ใหญ่บ้าน ม.8 เป็นตัวแทนชาวบ้าน กล่าวว่า ตนได้รับเรื่องความเดือดร้อนของชาวบ้าน หลังจากมีหนังสือแจ้งให้ลูกบ้านที่มีชื่อเป็นห้างหุ้นจำกัด เทพรับทรัพย์ ให้ไปยื่นงบการเงิน และชำระค่าปรับ หลังจากตรวจสอบแล้วปรากฏว่า ไม่มีชาวบ้านคนไหนเปิดห้างหุ้นส่วนแต่อย่างใด ซึ่งเป็นการแอบอ้างเอาชื่อและที่อยู่ของชาวบ้านไปจดทะเบียนเป็นห้างหุ้นส่วน จำกัด โดยมีผู้ใหญ่บ้านคนเก่านำสำเนาเอกสารบัตรประชาชนและทะเบียนบ้าน ไปให้บุคคลอื่นนำไปจดทะเบียนเป็นรูปห้างหุ้นส่วน จำกัด กระทั่งมีหนังสือแจ้งให้ชาวบ้านไปยื่นงบการเงินและชำระค่าปรับ จึงทราบเรื่องดังกล่าว และได้พากันมาแจ้งความเอาไว้เป็นหลักฐาน เพื่อจะนำไปยื่น สำนักงานพัฒนาธุรกิจการค้าจังหวัดพิษณุโลก ดำเนินการคัดชื่อชาวบ้านออกจากห้างหุ้นส่วน จำกัดต่อไป

 

นางประไพ  โพธิ์เถาว์ อายุ 51 ปี อยู่บ้านเลขที่  58/3 ม.8 ต.บ้านกร่าง อ.เมือง จ.พิษณุโลก เปิดเผยว่า ทุกครั้งที่มีการแจ้งให้ชาวบ้านทราบว่า เกี่ยวกับการรับประกันราคาข้าว การแจ้งเกี่ยวกับการปลูกพืชหรือการทำนา ตลอดทั้งการเลี้ยงสัตว์ ที่ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อน ในปี 2554 ทางนายสมชาย เสือดำ อดีตผู้ใหญ่บ้าน ม.8 ได้ขอสำเนาเอกสารจากตนและชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อน เพื่อจะนำไปใช้เป็นหลักฐานในการขอช่วยเหลือจากรัฐบาล พร้อมกับให้เซ็นชื่อกำกับทุกครั้ง ซึ่งทางตนและชาวบ้านก็มอบให้ไปทุกครั้งเช่นกัน แต่ไม่ทราบว่านำไปใช้เปิดเป็นห้างหุ้นส่วน จำกัด แต่อย่างใด กระทั่งได้รับหนังชื่อดังกล่าว จึงทราบว่าถูกเอาชื่อไปแอบอ้างเปิดห้างหุ้นส่วน จำกัด

นายพิสูจน์ อยู่สุข อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 108/1 ม.8 ต.บ้านกร่าง อ.เมือง จ.พิษณุโลก กล่าวว่า ที่ผ่านมาผู้ใหญ่บ้านคนเก่า ชื่อนายสมชาย เสือดำ  ได้ให้ตน รวมทั้งชาวบ้านให้ไปเซ็นชื่อในสำเนาเอกสารบัตรประชาชนและสำเนาทะเบียนบ้าน เพื่อขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานรัฐบาล เกี่ยวกับการปลูกพืชเกษตรกรรม และการเลี้ยงสัตว์ ที่ได้รับผลกระทบ รวมทั้งการประกันราคาข้าวพืชไร่ ชาวบ้านต้องนำไปให้ทุกคน และแจ้งจำนวนการทำนา ทำไร่  และจำนวนเลี้ยงสัตว์  จึงให้นำหลักฐานไปให้ และเซ็นชื่อกำกับด้วย แต่ไม่มีใครทราบว่าและไม่เคยอนุญาตให้นำเอาเอกสารไปใช้เปิดเป็นห้างหุ้นส่วน จำกัดแต่อย่างใด

 

ทั้งนี้ จดหมายที่ส่งมาทางไปรษณีย์มายังชาวบ้านหมู่ที่ 8 ต.บ้านกร่างนั้น หน้าซองไม่ได้ระบุชื่อผู้รับ แต่เขียนว่า เรียนหุ้นส่วนผู้จัดการ ขณะที่ที่อยู่นั้น เป็นที่อยู่ของชาวบ้านในหมู่บ้านนั้น ส่วนชื่อห้างนิติบุคคลที่ระบุนั้นมีหลายชื่อ ได้แก่ หจ.กฤษตนภัค 104 , หจ.กฤษตนภค มีทรัพย์ 1000 ,หจ.เทพแพงรับทรัพย์ 212 เป็นต้น นายมาโนช ผู้ใหญ่บ้าน ,ม.8 กล่าวว่า หลังจากลูกบ้านเป็นกงวลใจ เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน ตนพร้อมลูกบ้านที่มีชื่อระบุเป็นหุ้นส่วนจึงขึ้นไปสอบถามกับสำนักงานพัฒนาธุรกิจการค้าจังหวัดพิษณุโลก  ได้ความว่ามีผู้นำเอกสารสำเนาทะเบียนบ้านและบัตรประชาชน พร้อมรายเซ็นต์สำเนาถูกต้องมาเปิดหจก. โดยสำนักงานพัฒนาธุรกิจการค้าจังหวัดพิษณุโลก ได้แนะนำให้ชาวบ้านมาแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อยื่นความจำนงคัดชื่อออกจากนิติบุคคลดังกล่าว ขณะที่เมื่อเช้าวันนี้ 12 มิถุนายน 2555 มีผู้ชาย ขับรถเบนซ์มาหาตน ให้ตนบอกกับลูกบ้านว่า หากลูกบ้านคนใดยินยอมให้ใช้ชื่อจดทะเบียนในนิติบุคคลดังกล่าวต่อไป จะมอบเงินค่าตอบแทนให้รายละ 3,000 บาท แต่ลูกบ้านแทบทั้งหมดไม่ยินยอม ที่ผ่านมาก็แอบเอาชื่อไปจดนิติบุคคลแล้ว และอนาคตก็ไม่ทราบว่านิติบุคคลนี้จะทำธุรกรรมทางค้าอย่างไร จึงมาแจ้งความ เพื่อขอคัดชื่อออก

 

ด้านร้อยเวร รับเรื่องราวร้องทุกข์ ได้ให้ชาวบ้านทั้งหมดไปลงบันทึกประจำวันเอาไว้เป็นหลักฐาน และให้นำสำเนาบันทึกประจำวันไปแจ้งต่อสำนักงานพัฒนาธุรกิจการค้าจังหวัดพิษณุโลก เพื่อให้ดำเนินการคัดชื่อของชาวบ้านออกจากเป็นหุ้นส่วนดังกล่าว พร้อมแนะนำต่อว่า หากมีการใช้สำเนาบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน และมีการลงรับรองสำเนาถูกต้อง ควรเขียนกำกับไว้ในสำเนาเอกสารไว้ด้วยว่าใช้เพื่องานใด

 

แสดงความคิดเห็น