จังหวัดพิษณุโลกเดินหน้ายุทธการทวงคืนผืนป่าให้แผ่นดินอย่างต่อเนื่อง สนธิกำลังป่าไม้ ทหาร ตำรวจ 600 นาย ตัดสวนยางพารารุกป่าสงวนลุ่มน้ำวังทองฝั่งซ้าย 287 ไร่ ลุยตัดต่อเนื่องเน้นเฉพาะพื้นที่บุกรุกโดยนายทุน จากพื้นที่สวนยางบุกรุกเขตป่าในจ.พิษณุโลกทั้งหมด 57,000 ไร่ หน.พยัคฆ์ไพรระบุ ยืนยันการชะลอตัดโค่นสวนยางตามองค์กรสวนยางที่เรียกร้อง เป็นไปไม่ได้ หากกรมป่าไม้ หยุดยั้งไม่ได้ อีก 5-10 ปีข้างหน้า พื้นที่ป่าสงวนทั่วประเทศหมดแน่ !!
วันที่ 8 มิถุนายน 2558 พลตรีรณรงค์ โคตรดำรง รองผอ.ศปป.กอ.รมน. พลตรีนพพร เรือนจันทร์ ผบ.พล.ร.4 นายอรรถพล เจริญชันษา ผอ.สำนักป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า กรมป่าไม้ นายชีวะภาพ ชีวะธรรม ผู้อำนวยการส่วนกิจการพิเศษ หัวหน้าชุดปฏิบัติการพยัคฆ์ไพร กรมป่าไม้ นายอนันต์ พรหมดนตรี ผอ.ทสจ.พิษณุโลก นายมานพ สายอุ่นใจ ผอ.สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 4 สาขาพิษณุโลก ร่วมกันเปิด”ยุทธการทวงคืนผืนป่า การบังคับใช้กฎหมายตาม มาตรา 25 พรบ.ป่าสงวนแห่งชาติ 2507 ต่อผู้บุกรุกปลูกยางพาราในเขตป่าสงวนแห่งชาติ”โดยให้เจ้าหน้าที่ป่าไม้ทั้ง 11 หน่วยป้องกันรักษาป่าจำนวน 600 นาย และทหาร พล.ร.4 ประมาณ 300 นาย ตัดโค่นทิ้งจำนวน 287 ไร่ ที่ หมู่ 13 บ้านตอเรือ ต.วังนกแอ่น อ.วังทอง
ทั้งนี้ จังหวัดพิษณุโลก มีพื้นที่ถูกบุกรุกปลูกยางในเขตป่าสงวนแห่งชาติจำนวน 57,000 ไร่ ที่จะดำเนินการตัดทั้งหมด ซึ่งดำเนินการแล้วเมื่อ 3 มิ.ย.58 จำนวน 97 ไร่(ป่าอนุรักษ์) ซึ่งแม่ทัพภาคที่ 3 เป็นประธานตัดโค่น ที่บ้านเข็กใหญ่ ต.บ้านแยง อ.นครไทย ซึ่งกำลังตัดโค่นอีกวันนี้ 287 ไร่ ที่บ้านตอเรือ อ.วังทอง เฉพาะในเขต บ้านตอเรือ หมู่ 13 ต.วังนกแอ่น อ.วังทอง และเตรียมบังคับใช้กฎหมายรวม 4 คดีเมื่อ 3 ธค.50 กำลังถูกตัดโค่นทั้ง 4 แปลงรวมเนื้อที่ 1,202 ไร่เศษ ทั้งนี้บริเวณใกล้เคียงพื้นที่ตรวจยึดดังกล่าว เป็นพื้นที่สวนยางพาราของนายทุนรายใหญ่ ( หจก.วีรนันท์ ) ร่วมๆ 3,000 ไร่
พลตรีรณรงค์ โคตรดำรง รองผอ.ศปป.กอ.รมน. กล่าวว่า มีพื้นที่จำนวน 57,000 ไร่จะต้องถูกตัดโค่น จะเร่งดำเนินการเป็นไปตามนโยบายนายกรัฐมนตรี จะตัดโค่นตามหลักวิชาการ ไม่ได้ตัดโล้นทั้งหมด คือ ตัด 3 แถว เว้น 2 แถว หรือ 60 เปอร์เซ็นต์ ยอมรับว่า พื้นที่บริเวณโดยรอบ เป็นของนายทุน จับจองที่ดินและอาศัยชาวบ้านด้วยความไม่รู้ หรือ ยากไร้ เข้าแสวงหาผลประโยชน์ อาศัยชาวบ้านเป็นนอมินี ทำให้การแก้ปัญหามีความยุ่งยากมากขึ้น ซึ่งตาม มาตรา 66 ของคชส. กรณีตัดโค่นสวนยางพาราจะต้องดำเนินการอย่างระมัดระวัง ไม่ให้กระทบต่อยากไร้ หรือ ผู้ที่ยากจนจริงๆ
สวนยางพาราทั่วประเทศยังมีพื้นที่อีกมากจะต้องดำเนินการตัดโค่นและฟื้นฟูโดยเร็ว โดยเน้นผู้มีอิทธิพลและนายทุน ส่วนผู้ยากไร้จะต้องพิจารณาเป็นรายๆไป
ส่วนคำถามที่ว่า สมาคมชาวสวนยางเรียกร้องให้ชะลอการตัดโค่นสวนยาง รองผอ.ศปป.กอ.รมน. ยืนยันว่า การชะลอตัดโค่นต้องพิจารณาเป็นรายกรณีไป ว่า พื้นที่ที่ปลูกยางนั้นๆ ถูกต้องหรือไม่ มีเอกสารสิทธิ รวมถึงการได้มาของที่ดิน แม้ว่ามีโฉนดหรือ นส.3 ก็ต้องพิจารณาเป็นรายๆไป
นายอรรถพล เจริญชันษา ผอ.สำนักป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า กล่าวว่า กำลังคัดเลือกตัดโค่นสวนยางพาราของนายทุนที่บุกรุกป่าจำนวน 1.5 ล้านไร่ โดยปีนี้ รมว.กระทรวงทรัพย์ฯ วางเป้าหมายตัดโค่น 4 แสนไร่จะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จสิ้นเดือนธันวาคมปี พร้อมหาตัวผู้กระทำความผิดว่า กันไปตามขบวนการกฏหมาย และขอให้ จนท.ปปง.ตรวจสอบทรัพย์สิน
“ต้องเข้าใจว่า การบุกรุกป่าตรวจกรมป่าไม้มีหลักเกณฑ์พิจาณาเรื่องของนายทุนอยู่ พื้นที่ตั้งแต่ 30-50 ไร่ขึ้นไป และเป็นคนอยู่ต่างถิ่น เข้ามาใช้แรงงานในพื้นที่แทนตนเอง มีการลงทุนขนาดใหญ่ และที่สำคัญต้องได้รับการยืนยันจากคนในพื้นที่ว่า เป็นนายทุน”
นายชีวะภาพ ชีวะธรรม ผู้อำนวยการส่วนกิจการพิเศษ หัวหน้าชุดปฏิบัติการพยัคฆ์ไพร กรมป่าไม้ กล่าวว่า ส่วนกรณีอธิบดีกรมป่าไม้ไปเปิดยุทธการทวงคืนผืนป่าที่ อ.น้ำหนาว จ.เพชรบูรณ์ นั้น วางเป้าหมาย 12,000 ไร่ แบ่งเป็นระยะที่ 1 ส่วนระยะที่ 2 และ3 โดยจะทำการคัดกรอง คนรวยกับคนจน กำลังตรวจสอบเพื่อเป็นโมเดลต้นแบบ เพื่อไม่ให้เดือดร้อนชาวบ้าน
กรณีกลุ่มองค์กรต่อต้านไม่เห็นด้วย กับการโค่นยางพารา เพราะเขามองว่า สวนยางพาราคือป่า แต่จริงๆแล้วไม่ใช่ แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง เพราะป่าสวนยางพารา 1 ไร่ มีเพียง 70 ต้นเท่านั้น แต่โครงสร้างป่าต้นน้ำลำธาร มีพันธุ์ไม้นับพันชนิด ทำหน้าที่ดูดซับน้ำอย่างสมบูรณ์
“การชะลอการตัดโค่นสวนยาง จึงเป็นไปไม่ได้ ต้องแยกให้ออก รัฐมีมาตรการชัดเจนอยู่แล้ว ไม่ให้ราษฎรเดือดร้อน มีทั้งคำสั่ง คสช. 66 และ 30 มิ.ย.41 ชัดเจน”
“ฝากเตือนว่า นี่คือ กลไกของการบุกรุกทำลายป่า หากกรมป่าไม้ ไม่สามารถหยุดยั้งขบวนการครั้งนี้ได้ ให้นับถอยหลังได้เลยว่า อีก 5-10 ปีข้างหน้า พื้นที่ป่าสงวนทั่วประเทศหมดแน่ !!” หน.พยัคฆ์ไพร กล่าว
……………………………………………………………