เกษตรกรรายหนึ่งในเขต บ้านซำรัง ต.ชมพู อ.เนินมะปราง จ.พิษณุโลก ได้ลงทุนขุดเจาะบ่อน้ำบาดาล เพื่อดึงน้ำใต้ดินขึ้นมาปลูกข้าวโพด ในพื้นที่ทำนาหลังจากการเก็บเกี่ยวข้าวในฤดูกาลแล้วเสร็จ ที่มีอยู่จำนวนกว่า 20 ไร่ โดยได้เริ่มปลูกข้าวโพดขาย หลังทำนามา 2-3 ปีแล้ว เนื่องจากเป็น ข้าวโพดเป็นพืชที่ใช้น้ำน้อย และ สร้างรายพอเลี้ยงตัว ได้อยู่กับครอบครัว โดยไม่ต้องไปออกทำงานไกลๆ เพราะในช่วงหน้าแล้ง แหล่งน้ำตามธรรมชาติมีสภาพตื้นเขิน จนเหลือน้ำติดเพียงก้นคลองเท่านั้น ข้าวโพดเป็นพืชที่ใช้น้ำน้อยกว่าการปลูกข้าวถึง 1 ใน 4 เท่า หลังจากที่ได้หว่านเมล็ดพันธ์ไปแล้ว จนถึงการเก็บฝักข้าวโพดขาย ใช้เวลาประมาณ 4 เดือน แต่ในช่วงฤดูแล้งต้องสูบน้ำจากบ่อบาดาลที่ขุดขึ้นมา ต่อท่อ พีวีซี.นำไปหล่อเลี้ยงต้นข้าวโพดเฉลี่ย 10 วันต่อครั้ง ต้องเสียค่าน้ำมันเครื่องสูบน้ำ ครั้งละ 100 บาท
“ในปีนี้เริ่มทำไร่ข้าวโพดไปแล้ว 8 ไร่ ก็ยังไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไรบ้าง ปีนี้พืชผลทางการเกษตรก็ตกต่ำ ปัญหาภัยแล้งขาดแคลนแหล่งน้ำ ต้องลงทุนสูบน้ำขึ้นมาใช้เอง แต่จำเป็นต้องทำเพราะหลักจากเสร็จฤดูทำนาก็ว่าง จึงทำไร่ข้าวโพดที่ใช้น้ำน้อยกว่าทำนาแทน”
สำหรับการทำไร่ข้าวโพด โดยการสูบน้ำเข้ามาอย่างสม่ำเสมอ ในช่วงฤดูแล้งนั้น เกษตรกรสามารถเก็บเกี่ยวข้าวโพดได้ไร่ละประมาณ 1.5-2 ตัน หลังจากที่ส่งขายตลาดรับซื้อ ซึ่งราคาขึ้นอยู่กับสภาพความชื้นและมีความสมบูรณ์ของเมล็ด ก็ถือว่า พอมีรายได้คุ้มต่อการลงทุน สำหรับการปลูกพืชในช่วงฤดูแล้งนี้.
————————————————–