จัดงานวันมะยงชิด กระตุ้นยอดขาย 1-2 เม.ย.60 ที่บ้านรักไทย ต.ชมพู

วันที่ 1 เมษายน 2560 ที่ ศาลาจำปาสา บ้านรักไทย หมู่ 7 ต.ชมพู อ.เนินมะปราง จ.พิษณุโลก   นายสมชาย ตรีณาวงษ์ นายอำเภอเนินมะปราง เป็นประธานเปิดงานวันมะยงชิดพิษณุโลก ปี 2560 ซึ่งจัดขึ้นเป็นปีแรก ซึ่งกลุ่มวิสาหกิจชุมชนสันเขาจัดขึ้นระหว่างวันที่ 1- 2 เมษายน นี้  หลังมีเกษตรกรในพื้นที่ อ.เนินมะปราง เริ่มหันมาปลูกมะยงชิด จนกลายเป็นผลไม้เศรษฐกิจสำคัญในพื้นที่ ที่สามารถทำเงินรายได้  โดยในช่วงนี้มีผลผลิตออกมาจำหน่ายจำนวนมาก และเพื่อเป็นการช่วยเหลือเกษตรกร สามารถเพิ่มช่องทางการจำหน่ายได้มากขึ้น จึงจัดงานดังกล่าวเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวเดินทางมาเที่ยว อ.เนินมะปราง  นอกจากเที่ยวชมสวนเกษตรจำนวนมากแล้ว ยังสามารถชมแนวภูเขาหินปูน ถ้ำ น้ำตก และจุดท่องเที่ยวหลากหลายในพื้นที่ได้

นายไพบูลย์  ชูเอียด ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนสันเขา จ.พิษณุโลก เปิดเผยว่า ด้วยพื้นที่ 2 อำเภอของจังหวัดพิษณุโลก คือ ต.วังนกแอ่น อ.วังทอง และ ต.ชมพู องเนินมะปราง เป็นพื้นที่ติดต่อกัน อยู่บนสันเขา  สภาพพื้นที่สูงจากระดับน้ำทะเลปานกลางประมาณ 400-600 เมตร เหมาะสำหรับการปลูกผลไม้ได้หลากหลายชนิด เช่น มะยงชิด ทุเรียน เงาะ ลองกอง มังคุด มะม่วง ลำไย สตอรเบอรี่ เป็นต้น  โดยผลไม้ในพื้นที่มีผลผลิตอกต่อเนื่องเกือบตลอดทั้งปี  โดยเฉพาะมะยงชิด  มีความเหมาะสมที่จะปลูกในพื้นที่ แหล่งนี้มาก ด้วยสภาพอากาศ ดินที่อุดมสมบูรณ์ ทำให้ผลผลิตมะยงชิดบนสันเขาบ้านรักไทย ออกก่อนพื้นที่อื่นๆประมาณ 1 เดือน  ผิวสวย รสชาติดี  ขายได้ราคา จึงมีเกษตรกรให้ความสนใจหันมาปลูกมะยงชิดกันมากขึ้น 

ปัจจุบันมีพื้นที่ปลูกมะยงชิดไม่น้อยกว่า 1,000 ไร่ ผลผลิตต่อปีเฉลี่ยกว่า 800 ตัน คิดเป็นมูลค่าไม่ต่ำกว่า 80 ล้านบาท เพื่อเป็นการส่งเสริมการปลูกมะยงชิดและส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดพิษณุโลก  กลุ่มวิสาหกิจชุมชนสันเขาจึงจัดงานดังกล่าวขึ้น เพื่อให้ความรู้กับเกษตรกรที่สนใจการปลูกมะยงชิด  โดยมีเกษตรกรผู้ปลูกมะยงชิด และอาจารย์จากมหาวิทยาลัยนเรศวร  เพื่อให้ผลผลิตมะยงชิดที่มีคุณภาพ ปลอดภัย ได้มาตรฐาน  

นายไพบูลย์   กล่าวว่า หลังจากเกษตรกรหันมาปลูกมะยงชิดเพิ่มขึ้น ทำให้มีพ่อค้าเข้ามารับซื้อและเกษตรกรนำส่งที่ตลาดไทย ก่อนกระจายไปจังหวัดต่างๆ และเมื่อปีที่ผ่านมา เริ่มมีการส่งออกมะยงชิด ไปยังตลาดต่างประเทศ คือ ประเทศอังกฤษ และจีน บ้างแล้ว เชื่อว่า มะยงชิด เป็นผลไม้ที่กำลังมีอนาคตที่สดใส มีแนวโน้มตลาดที่กว้างมากขึ้น ขณะที่ราคาอยู่ที่กิโลกรัมละ 80-150 บาท ขึ้นกับขนาดความใหญ่ผลผลิต รสชาติและความสวยงาม 

//////

แสดงความคิดเห็น