พี่สาวร่ำไห้รับศพ”หมอเชษ”ผอ.รพ.สต.หอกลองไปบำเพ็ญกุศลที่อ.วัดโบสถ์

จากกรณีค่ำคืนที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองพิษณุโลก พบศพนายพงศ์ชิรการ  ปีกรอด อายุ 45 ปี ผอ.รพ.สต.หอกลอง อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก ตัดสินใจขับรถเก๋งส่วนตัวมาจอดไว้ในลานดินพื้นที่กว่า 3 ไร่ ริมถนนสายเลี่ยงเมืองสี่แยกบ้านกร่างมุ่งหน้าสี่แยกเอ็กซ์เรย์ พื้นที่หมู่ 1 บ้านเด่นโบสถ์ ต.บ้านกร่าง อ.เมือง จ.พิษณุโลก ก่อนจะเดินไปผูกคอตัวเองกับกิ่งไม้ต้นฉำฉาห้อยโตงเตงริมทุ่งนาติดคลองน้ำทิ้งจนเสียชีวิต คาดสาเหตุเกิดจากความเครียดด้วยโรคมะเร็งที่เป็นอยู่ พร้อมกับเขียนจดหมายลาตายขอโทษแม่และเพื่อนร่วมงานทิ้งเอาไว้ในรถ ตามที่ได้นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น

ล่าสุด เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 25 ต.ค. 2561 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่อาคารเก็บศพแผนกนิติเวชโรงพยาบาลพุทธชินราช อ.เมือง จ.พิษณุโลก น.ส.ภัคจิรา  โท้แก้ว อายุ 56 ปี พี่สาวพร้อมด้วยญาติและเพื่อนๆ ของนายพงศ์ชิรการ  ปีกรอด หรือหมอเชษ อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 296 หมู่ 4 ต.วัดโบสถ์ อ.วัดโบสถ์ จ.พิษณุโลก ตำแหน่งนักวิชาการสาธารณสุขชำนาญการ และเป็น ผอ.รพ.สต.หอกลอง อ.พรหมพิราม ได้เดินทางมาติดต่อเพื่อขอรับร่างผู้เสียชีวิต ซึ่งมีการจุดธูปอัญเชิญดวงวิญญาณก่อนเคลื่อนศพนำไปตั้งสวดพระอภิธรรมที่วัดช่างเหล็ก ต.ท่างาม อ.วัดโบสถ์ จ.พิษณุโลก บรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้าเสียใจของผู้ที่ทราบข่าววร้ายในครั้งนี้เป็นอย่างมาก

ด้าน น.ส.ภัคจิรา  โท้แก้ว พี่สาว กล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า ตนเองไม่เคยรู้มาก่อนว่าหมอเชษ น้องชาย จะป่วยเป็นโรคร้ายเพราะไม่เคยพูดเรื่องส่วนตัวให้ที่บ้านฟัง เนื่องจากอาจจะกลัวว่าแม่ที่แก่ชราภาพด้วยวัยกว่า 80 ปี จะคิดมากจนเครียดวิตกกังวล ซึ่งระยะหลังหมอเชษมักไม่ชอบกลับบ้าน จะนอนพักอาศัยที่บ้านของป้าที่สนิทสนมนับถือกันเหมือนญาติ แต่ก็จะกลับมาเยี่ยมเยียนแม่อยู่เป็นประจำ หาเงินมาเลี้ยงดูจุนเจือครอบครัวถือว่าเป็นเสาหลักของบ้าน เมื่อมาทราบข่าวว่าหมอเชษคิดสั้นผูกคอตนเองกับต้นไม้จนเสียชีวิตค่ำคืนที่ผ่านมา สร้างความตกใจและเสียใจให้กับครอบครัวอย่างยิ่ง เพราะไม่มีลางบอกเหตุใดเลย และไม่พบบาดแผลร่องรอยการถูกทำร้าย ทางครอบครัวไม่ติดใจในสาเหตุการตาย ทั้งนี้จะนำร่างไปตั้งสวดพระอภิธรรมศพที่วัดช่างเหล็กเป็นเวลา 3 คืน ก่อนจะทำการฌาปนกิจศพต่อไป

ขณะที่ น.ส.ลำพึง สุทธิศักดิ์ อายุ 69 ปี ซึ่งหมอเชษนับถือเหมือนป้าแท้ๆ เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้หมอเชษเป็น ผอ.รพ.สต.ดงประคำ ก่อนจะย้ายมาเป็น ผอ.รพ.สต.หอกลอง อ.พรหมพิราม ถือว่าทำงานด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจจนเป็นที่รักใคร่ของเพื่อนฝูง ลูกน้อง และชาวบ้านในพื้นที่ที่เดินทางมารักษาอาการเจ็บป่วย ตนเองกับหมอเชษจะสนิทกันมากและพักอาศัยอยู่ด้วยกัน มีปัญหาเรื่องใดมักจะมาปรึกษาพูดคุยระบายให้ฟังอย่างเปิดอก กระทั่งระยะหลังเมื่อ 1 เดือนนี้ หมอเชษบ่นตลอดว่าปวดขาข้างขวาช่วงสะโพกลงไปถึงน่อง ปวดเข้าไปจนถึงกระดูกข้างในจนเดินเหินลำบากต้องใช้ไม้ค้ำพยุงตัว สุดท้ายเมื่อวันที่ 21 ต.ค. ที่ผ่านมา จึงตัดสินใจพากันไปให้แพทย์ตรวจรักษาและวินิจฉัยโรคอย่างละเอียดที่คลินิกแห่งหนึ่ง โดยเข้าเครื่องดัชนีมวลกลาย (BMI) ปรากฏว่าตรวจพบชิ้นเนื้อร้ายที่ขาข้างขวา หรือเรียกว่าเป็นมะเร็งก้อนเนื้อ ต้องเข้ารับการให้คีโมและฉายแสง ทำให้หมอเชษเครียดคิดมากกินไม่ได้นอนไม่หลับอาจจะท้อแท้กับชีวิตที่เหลืออยู่ ก่อนจะหายออกไปจากบ้านเป็นเวลาถึง 3 วัน ตนจึงโทรสอบถามว่าไปอยู่ที่ไหนก็ได้รับคำตอบว่าเดินทางเข้ามาใน อ.เมืองพิษณุโลก เพื่อมาเปิดโรงแรมพักผ่อน จนสุดท้ายมาทราบจากเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าหมอเชษคิดสั้นตัดสินใจขับรถเก๋งมาจอดไว้ที่ลานดินเปลี่ยวๆ ผูกคอตนเองกับต้นฉำฉาจนเสียชีวิตดังกล่าวนอกจากนี้หมอเชษยังมีความสามารถเคยเป็นนักกีฬาวอลเลย์บอลตัวเยาวชน จ.พิษณุโลก และเป็นนักวอลเลย์บอลสังกัดสำนักงานสาธารณสุข เขต 2 ส่วนข้อความที่ระบุในจดหมายลาตายว่า “รักจริงให้ติงนัง” ซึ่งเป็นบทเพลงของนักร้องลูกทุ่งชื่อดัง “รุ่ง สุริยา” นั้นเป็นเพราะหมอเชษชอบร้องและฟังเพลงนี้เป็นอย่างมาก ปกติเป็นคนร่าเริงแจ่มใสสนุกสนานครื้นเครง มักพูดหยอกล้อกับตนว่าหากวันใดต้องตายก็ขอให้เปิดเพลงนี้ในงานศพด้วย และขออย่าให้โศกเศร้าเสียใจกันเลย ซึ่งตนก็ไม่คาดคิดว่าจะเกิดเรื่องหดหู่เช่นนี้ขึ้นจริง.

……………………………………………………………………………………..

ข่าวที่เกี่ยวข้อง  ผอ.รพ.สต.ป่วยโรครุมเร้าผูกคอตัวเองบนต้นฉำฉากลางทุ่งนาที่ต.บ้านกร่าง

แสดงความคิดเห็น