ตร.ภ.6 จับครูพร้อมลูกชายขายยาบ้าให้วัยรุ่นในจ.อุตรดิตถ์-พิษณุโลก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อวันที่ 8  ม.ค.2562 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.2 บก.สส.ภ.6 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ ปปส.ภ.6 ได้ร่วมกันจับกุมตัว นายสรศักดิ์  มณีรอด หรือ ครูชุบ  อายุ 57 ปี  บ้านเลขที่ 48/5  หมู่ที่ 4 ตำบลพญาแมน  อำเภอพิชัย  จังหวัดอุตรดิตถ์ ( ครูชำนาญการพิเศษ โรงเรียนรัฐแห่งหนึ่งในตำบลตลุกเทียม อำเภอพรหมพิราม จังหวัดพิษณุโลก)  และ นายธนิยะ  มณีรอด หรือแบงค์ อายุ 30 ปี บุตรชายของนายสรศักดิ์  บ้านเลขที่ 48/5  หมู่ที่ 4 ตำบลพญาแมน  อำเภอพิชัย  จังหวัดอุตรดิตถ์   พร้อมของกลางยาบ้าจำนวน 1,100 เม็ด ส่งพนักงานสอบสวน สภ.พญาแมน ดำเนินคดีในข้อกล่าวหาร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย โดยควบคุมตัวเมื่อวันที่ 7  มกราคม  2562 เวลาประมาณ  20.00 น. สถานที่เกิดเหตุ บ้านเลขที่ 48/5  หมู่ที่ 4 ตำบลพญาแมน  อำเภอพิชัย  จังหวัดอุตรดิตถ์

สืบเนื่องจาก เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.2 บก.สส.ภ.6 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ ปปส.ภ.6   ได้ให้สายลับโทรศัพท์สั่งซื้อยาบ้าจากนายสรศักดิ์   หรือ ครูชุบ ผู้ต้องหาที่ 1 จำนวน 100 เม็ด ในราคา 4,500 บาท ผู้ต้องหาที่ 1 แจ้งกับสายลับว่าจะให้นายธนิยะ  มณีรอด หรือแบงค์ ผู้ต้องหาที่ 2 ซึ่งมีความสัมพันธ์กับผู้ต้องหาที่ 1 โดยเป็นบุตรชาย ติดต่อมาเพื่อนัดหมายส่งยาบ้ากันอีกครั้ง เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้นำธนบัตรที่ใช้ในการล่อซื้อจำนวน 4,500 บาท ลงประจำวันไว้เป็นหลักฐาน ต่อมา นายธนิยะฯ หรือแบงค์ ผู้ต้องหาที่ 2 โทรศัพท์มาหาสายลับถามสายลับว่าได้คุยกับพ่อของตนแล้วใช่ไหม ถ้าเงินพร้อมแล้วให้นำเงินค่ายาบ้าจำนวน 4,500 บาท มาวางไว้บริเวณโคนเสาไฟฟ้า ข้างกองฟางริมถนนสาธารณะทางเข้าหมู่บ้าน หมู่ที่ 3  ตำบลพญาแมน อำเภอพิชัย จังหวัดอุตรดิตถ์ ซึ่งเป็นจุดที่สายลับกับผู้ต้องหาทราบกัน เพราะเคยส่งยาเสพติดบริเวณนั้นเป็นประจำ เมื่อได้รับเงินแล้ว ผู้ต้องหาที่ 2 จะนำยาบ้ามาวางให้ จากนั้นจึงได้วางแผนการจับกุมซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้ให้สายลับพาไปดูจุดที่จะนำเงินไปวางไว้ และได้มอบหมายให้ ร.ต.อ.ธีรยุทธฯ ใช้รถจักรยานยนต์นำเงินที่ใช้ในการล่อซื้อไปวางไว้และคอยรับยาเสพติดจากผู้ต้องหาที่ 2 ที่จะนำมาวางให้ โดยมี พ.ต.ต.เจนรบฯ กับพวก ใช้รถยนต์จอดซุ่มอยู่บริเวณริมถนนตรงกับข้ามกับบ้านที่เกิดเหตุ เพื่อสังเกตการณ์ จับกุมผู้ต้องหาและควบคุมการใช้โทรศัพท์ของสายลับ

จนกระทั่งเวลาประมาณ 19.29 น. ของวันเดียวกัน ร.ต.อ.ธีรยุทธฯ ได้นำเงินที่ใช้ในการล่อซื้อไปวางไว้ตามจุดที่สายลับและผู้ต้องหาที่ 2 ตกลงกันไว้ จึงได้ให้สายลับแจ้งกับผู้ต้องหาที่ 2 ว่าได้นำเงินไปวางไว้ตามจุดที่ได้นัดหมายกันแล้ว ผู้ต้องหาที่ 2 แจ้งให้สายลับรอรับยาบ้า ต่อมาขณะที่ พ.ต.ต.เจนรบฯ กับพวก จอดรถซุ่มอยู่บริเวณริมถนนตรงข้ามกับบ้านที่เกิดเหตุ ได้มีชายขับรถจักรยานยนต์เข้าไปในบ้านที่เกิดเหตุซึ่งสายลับยืนยันว่าเป็นนายธนิยะฯ หรือแบงค์ ผู้ต้องหาที่ 2 สักครู่ได้ขับรถจักรยานยนต์ออกมามุ่งหน้าไปยังบริเวณจุดนัดวางเงินล่อซื้อ จนกระทั่งเวลาประมาณ 19.37 น. ผู้ต้องหาที่ 2 โทรศัพท์มาหาสายลับว่าได้วางยาบ้าใส่ในถุงสีแดงไว้จุดเดียวกับที่วางเงิน ให้สายลับไปเก็บยาบ้า พ.ต.ต.เจนรบฯ จึงได้สั่งให้ ร.ต.อ.ธีรยุทธฯ ไปเก็บยาบ้าบริเวณจุดดังกล่าว ร.ต.อ.ธีรยุทธฯ แจ้งว่าได้รับยาบ้าที่ผู้ต้องหาที่ 2 นำมาวางไว้แล้ว ขณะนั้น พ.ต.ต.เจนรบฯ กับพวก ได้เห็นผู้ต้องหาที่ 2 ขับขี่รถจักรยานยนต์กลับมาบ้านที่เกดิเหตุอีกครั้ง จึงได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจไปยังบ้านเลขที่ 48/5  หมู่ที่ 4 ตำบลพญาแมน  อำเภอพิชัย  จังหวัดอุตรดิตถ์ ซึ่งเป็นบ้านที่ผู้ต้องหาที่ 1 และผู้ต้องหาที่ 2 อาศัยอยู่และเป็นสถานที่จำหน่ายอาหารสัตว์ เมื่อไปถึงพบนายสรศักดิ์ฯ หรือครูชุบ ผู้ต้องหาที่ 1 และนายธนิยะฯ หรือแบงค์ ผู้ต้องหาที่ 2 อยู่ภายในบ้านจึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อขอทำการตรวจค้น ซึ่งก่อนการตรวจค้นได้แสดงความบริสุทธิ์ใจให้ผู้ต้องหาที่ 1 และผู้ต้องหาที่ 2 ดูจนเป็นที่พอใจแล้วจึงทำการตรวจค้นตัวผู้ต้องหาทั้งสองคน ผลการตรวจค้นพบธนบัตรที่ใช้ในการล่อซื้อยาบ้า ซุกซ่อนอยู่ในกระเป๋าเสื้อของผู้ต้องหาที่ 1 จึงได้ทำการตรวจยึด เมื่อนำสำเนาธนบัตรที่ใช้ในการล่อซื้อมาเปรียบเทียบกับธนบัตรที่ตรวจยึดได้จากผู้ต้องหาที่ 1 ปรากฏว่ามีหมายเลขและตัวอักษรตรงกันทุกฉบับ ซึ่งผู้ต้องหาที่ 1 และผู้ต้องหาที่ 2 ก็ได้ยอมรับว่าเงินจำนวนดังกล่าวเป็นเงินที่พวกตนได้มาจากการนำยาบ้ามาจำหน่ายให้กับสายลับจริง จึงได้ให้ผู้ต้องหาที่ 1 และผู้ต้องหาที่ 2 ลงลายมือชื่อไว้ในสำเนาธนบัตรเพื่อเป็นหลักฐาน สอบถามผู้ต้องหาที่ 1 ให้การรับสารภาพว่าตนได้ร่วมกับผู้ต้องหาที่ 2 นำยาบ้ามาจำหน่ายให้กับวัยรุ่นในพื้นที่อำเภอพิชัยและเขตจังหวัดพิษณุโลก

โดยให้ผู้ต้องหาที่ 2 มีหน้าที่ในการติดต่อสั่งซื้อยาบ้ามาจากชายไม่ทราบชื่อมาจำหน่าย ครั้งละ 1 มัด (ประมาณ 2,000 เม็ด) ในราคามัดละ 50,000 บาท  และรับสารภาพว่ายังมียาบ้าเหลืออยู่อีกจำนวน 5 ถุง (ประมาณ 1,000 เม็ด) จึงได้ให้ผู้ต้องหาที่ 1 และผู้ต้องหาที่ 2 พาเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมไปทำการตรวจยึดยาบ้าในส่วนที่เหลือตามของกลางรายการที่ 2 ดังกล่าว ซึ่งบรรจุในกระป๋องพลาสติกปิดฝาซุกซ่อนไว้ในป่าริมถนนมียาบ้าจำนวน 1 ถุง ถัดจากจุดนั้นประมาณ 5 เมตร พบยาบ้าตามของกลางรายการที่ 3 อีกจำนวน 4 ถุง บรรจุในกระป่องพลาสติกซุกซ่อนอยู่ใต้ใบไม้แห้ง ของกลางทั้งสองรายการผู้ต้องหาที่ 1 และผู้ต้องหาที่ 2 ได้ซุกซ่อนไว้เพื่อรอการนำออกมา

เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้แจ้งข้อกล่าวหาให้ผู้ต้องหาทราบว่ามีความผิดฐาน “ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายและร่วมกันจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย” พร้อมกับได้แจ้งสิทธิให้ทราบตามกฎหมาย ผู้ต้องหาที่ 1 และผู้ต้องหาที่ 2 ได้ทราบรายละเอียดแห่งการกระทำความผิดและเข้าใจข้อกล่าวหาดีแล้ว ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา จึงควบคุมตัวพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.พญาแมน  เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

แสดงความคิดเห็น