ญาติสุดเศร้าสูญเสียลูกจ้างทางหลวงชนบทถูกพระขับเก๋งพุ่งชน จัดพิธีบำเพ็ญกุศลศพที่วัดบางสะพาน

จากกรณี นายชลอ  พงษ์พานิช อายุ 64 ปี อยู่บ้านเลขที่ 9849  หมู่ 12 ต.วังทอง อ.วังทอง จ.พิษณุโลก ซึ่งเป็นลูกจ้างของกรมทางหลวงชนบท ถูกพระจิรวัฒน์  บันดาสงค์ อายุ 41 ปี เจ้าอาวาสวัดวังสมบูรณ์ ต.วังนกแอ่น อ.วังทอง จ.พิษณุโลก ขับรถแก๋งยี่ห้อโตโยต้า รุ่นโคโรน่า สีขาว หมายเลขทะเบียน กก 4490 พิษณุโลก เฉี่ยวชนกับรถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้า รุ่นไมตี้เอ็ก สีเหลือง (รถกรมทางหลวงชนบท) หมายเลขทะเบียน บธ 439 พิษณุโลก จุดเกิดเหตุทางหลวงชนบท หมายเลข 2015  (บ้านวังนกแอ่น – เนินสว่าง ) กม.ที่ 9 บ้านห้วยไผ่ หมู่ 8 ต.วังนกแอ่น อ.วังทอง จ.พิษณุโลก ก่อนจะยืนมอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และให้การว่าเพิ่งขับรถเก๋งออกมาจากวัดด้วยความเร็ว กำลังจะขับแซงรถกรมทางหลวงที่จอดอยู่ข้างทาง แต่เกิดแซงไม่พ้นเพราะมีรถอีกคันขับสวนทางมาจึงหักรถหลบ และรถได้เสียหลักไปพุ่งชนนายชลอที่ยืนผสมสีอยู่ท้ายกระบะรถกรมทางหลวงชนบทอย่างจังจน เป็นเหตุให้นายชลอฯ ขาขาดทั้ง 2 ข้าง และเสียชีวิตในที่สุด ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

เวลา 20.00 น. 21เมษายน 2563  ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่วัดบางสะพาน อ.วังทอง จ.พิษณุโลก ทางครอบครัวและญาติพี่น้องของนายชลอ ผู้เสียชีวิต ได้จัดเตรียมศาลาเพื่อประกอบพิธีรดน้ำศพและสวดพระอภิธรรมศพผู้เสียชีวิตเป็นค่ำคืนแรก ท่ามกลางความโศกเศร้าเสียใจเป็นอย่างมาก เนื่องจากผู้ตายเป็นเสาหลักของครอบครัวและเป็นคนดีของหมู่บ้าน อีกทั้งยังทำหน้าที่อาสาตำรวจบ้านอีกด้วย ทั้งนี้นายชลอซึ่งเป็นลูกจ้างของกรมทางหลวงชนบทได้เกษียณแล้ว แต่ทางหน่วยงานยังว่าจ้างให้ทำงานต่อเพราะเป็นคนขยันขันแข็ง ช่วยเหลืองานที่ได้รับมอบหมายเป็นอย่างดี

ด้าน น.ส.อรุณศรี  นุ่มน้อย อายุ 48 ปี น้องสาวผู้เสียชีวิต กล่าวด้วยความโศกเศร้าว่า วันนี้มารู้ข่าวร้ายของพี่ชายว่าประสบอุบัติเหตุระหว่างปฏิบัติหน้าที่จนเสียชีวิต ตนเองรู้สึกตกใจเป็นอย่างมากทำอะไรไม่ถูก เพราะมักจะเจอพี่ชายทุกวันเสาร์จะนัดกันมากินข้าวที่บ้านกับครอบครัวเป็นประจำ ซึ่งพี่ชายเป็นเสาหลักของครอบครัวของดูแลทุกอย่าง และมีลูกสาวอยู่หนึ่งคนเพิ่งทราบข่าวกำลังเดินทางมาจาก จ.ภูเก็ต เพื่อมาร่วมพิธีฌาปนกิจศพของพ่อ ที่ทางวัดขอให้สวดพระอภิธรรมศพแค่ 2 คืนเท่านั้น เนื่องจากขณะนี้อยู่ในระหว่างการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด 19 ทางครอบครัวก็ทราบดีไม่ได้ขัดแต่อย่างใด นอกจากนี้ทางหน่วยงานต้นสังกัดก็มอบเงินทำบุญช่วยเหลือมาให้จำนวนหนึ่ง แต่ที่ยังค้างคาใจในประเด็นของคู่กรณีที่เป็นพระเจ้าอาวาสวัด ทำไมถึงขับรถเก๋งด้วยตนเองได้ เพราะน่าจะมีลูกศิษย์ขับให้และผิดวินัยสงฆ์ทำให้ชาวบ้านติเตียนได้ จึงขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป.

………………………………………………………………………………………………………….

แสดงความคิดเห็น