โปรดระวัง“อย่าชนยาย”แม่เขียนป้ายติดท้ายรถจยย.พ่วงข้าง พาลูกชายป่วยไปหาหมอที่พิษณุโลก

จากกรณีมีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อว่า ช่างตั๊ก ช่างไฟ เมืองตะเข้ ได้โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กส่วนตัว พร้อมบรรยายว่าใครที่เดินทางเส้นบางกระทุ่ม วังน้ำคู้ บ้านใหม่ วัดพริก พิด’โลก ถ้าเจอป้ากับลูกชายก็ระมัดระวังด้วยนะครับ สงสารแก ใครเจอถ้าช่วยอะไรแกได้ก็ช่วยนะครับ ลูกแกพิการต้องฟอกไตอาทิตย์ละ 3 ครั้ง ผมก็ไม่รู้ว่าแกอยู่ตรงไหนของบางกระทุ่ม รถมันเยอะเลยไม่ได้จอดคุยกับแกเลย พอจะมีหน่วยงานไหนช่วยเหลือแกให้แกไม่ต้องขี่รถพาลูกไปฟอกไตแบบนี้ได้มั้ยครับ #ชีวิตคนเราแต่ละคนไม่เหมือนกัน

พร้อมลงรูปภาพเหตุการณ์ที่กำลังขับรถยนต์ ปรากฏภาพด้านหน้ามีรถจักรยานยนต์พ่วงข้างขี่อยู่บนถนนที่กำลังซ่อมแซมพื้นผิวการจราจร แต่สิ่งที่เห็นแล้วชวนสะเทือนใจเป็นอย่างมากก็คือ ด้านหลังของรถจักรยานยนต์พ่วงข้างติดป้ายไวนิลที่เขียนข้อความเอาไว้ว่า “โปรดระวัง อย่าชนยาย ยายขับรถไม่เก่ง ยายจำเป็นต้องพาลูกพิการเดินไม่ได้ไปฟอกไต อาทิตย์ละ 3 ครั้ง ยายมาจากบางกระทุ่ม ยายอายุ 68 ปีแล้ว ยายตาไม่ดี อย่าชนยาย” ซึ่งแสดงถึงความรักและความดูแลเอาใจใส่ของแม่ที่มีให้กับลูก โดยภายหลังที่โพสต์ลงโซเชียลมีผู้เข้ามาแสดงความคิดเห็นและเห็นใจอยากจะติดต่อขอช่วยเหลือคุณยายท่านนี้ พร้อมแชร์ต่อออกไปเป็นจำนวนมาก

ต่อมา วันที่ 1 ก.พ. ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ตรวจสอบ ที่บ้านเลขที่ 32 หมู่ 9 บ้านบางกระทุ่มใน ต.บางกระทุ่ม อ.บางกระทุ่ม จ.พิษณุโลก ซึ่งเป็นบ้านไม้ชั้นเดียวสภาพเก่าทรุดโทรม พบกับนางเปรี้ยว  สุขแสง อายุ 68 ปี กำลังดูแลปรนนิบัติและทำกายภาพบำบัดให้กับนายอาทิตย์  สุขแสง อายุ 37 ปี ลูกชาย ที่ป่วยด้วยอาการเส้นเลือดในสมองแตก ร่างกายอัมพาตซีกซ้าย และป่วยเป็นไตวายระยะสุดท้าย เป็นภาพที่น่าเวทนาสงสารแก่ผู้พบเห็นเป็นอย่างมาก

โดย ยายเปรี้ยว เปิดเผยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า ตนเองมีลูกทั้งหมด 5 คน ลูกสาว 4 คน และลูกชาย 1 คน ลูกสาวเสียชีวิตไปแล้ว 2 คน จากโรคเส้นเลือดในสมองแตกและเนื้องอกในสมอง ส่วนสามีของตนที่เคยทำงานเป็นเจ้าหน้าที่การรถไฟก็เสียชีวิตด้วยโรคเส้นเลือดในสมองแตกเช่นกัน ซึ่ง นายอาทิตย์  สุขแสง เป็นลูกชายคนเล็ก ป่วยด้วยโรคเส้นเลือดในสมองแตกและเป็นโรคไตรักษาตัวมาเป็นระยะเวลาถึง 2 ปี ตนเองต้องคอยดูแลอย่างใกล้ชิด เพราะลูกชายช่วยเหลือตนเองไม่ได้ ต้องพาไปฟอกไตที่โรงพยาบาลพุทธชินราชและโรงพยาบาลรวมแพทย์ อาทิตย์ละ 3 ครั้ง ค่าใช้จ่ายค่ารักษาพยาบาลก็ไม่เพียงพอ การเดินทางก็แสนยากลำบากเพราะตนก็พิการตามองไม่ค่อยเห็น แถมหลังก็ปวดเพราะเคยถูกควายไล่ขวิดได้รับบาดเจ็บ ต้องขี่รถจักรยานยนต์พ่วงข้างพาบุตรชายไปหาหมอด้วยเสมอ บางครั้งก็มองไม่เห็นถนนหนทาง ถูกรถยนต์ขับมาเบียดบ้าง ขับมาชนด้านท้ายบ้าง บางครั้งถึงกับประสบอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ตกข้างทางก็เคยมีมาแล้ว บุตรชายต้องคอยช่วยดูทาง ดูรถ ดูถนนให้ เพราะสายตาของตนจะมองไม่ค่อยเห็นชัดเท่าใดนัก ระยะทางไปกลับจากบ้านไปโรงพยาบาลก็ร่วมกว่า 80 กม. ออกบ้านแต่เช้าตรู่ ถึงบ้านก็เย็นเกือบมืดค่ำ จึงตัดสินใจไปจ้างให้เขาทำป้ายไวนิลติดเตือนให้ระวังอย่าชนยายเอาไว้ท้ายรถพ่วงข้างเพื่อป้องกันอุบัติเหตุ หรือให้คนที่ขับรถยนต์มองเห็นชัดๆ และระวังจะชนรถของตนเอง นอกจากนี้หมอเคยนัดให้ตนไปผ่าตัดหลังที่ปวดเนื่องจากถูกควายไล่ขวิด แต่ก็ไม่สามารถไปผ่าตัดได้ ถ้าหากไปผ่าตัดก็ต้องนอนพักฟื้นรักษาตัวเป็นเวลานาน แล้วใครจะดูแลพาบุตรชายที่ป่วยไปฟอกไตระยะสุดท้าย จึงต้องยอมทนเจ็บทนเหนื่อยต่อไปเช่นนี้ รายได้ครอบครัวก็น้อยนิด เพราะหาเลี้ยงชีพด้วยการรับจ้างเก็บลูกฝรั่งขาย เผาถ่านขายบ้าง เก็บผักบุ้งขายประทังชีวิตไปวันๆ บ้าง

ด้าน นายอาทิตย์  สุขแสง บุตรชาย กล่าวว่า เมื่อก่อนตนทำงานอยู่ที่โรงงานแห่งหนึ่งใน จ.ชลบุรี แล้วกลับมาเยี่ยมแม่ที่บ้าน จู่ๆ ก็ปวดหัวแล้ววูบไปเลย แม่ต้องพาไปหาหมออย่างเร่งด่วน จนมาพบว่าป่วยด้วยอาการเส้นเลือดในสมองแตก ร่างกายเป็นอัมพาตครึ่งซีก มิหนำซ้ำยังมาป่วยเป็นโรคไตอีก มาถึงปัจจุบันเป็นเวลา 2 ปีแล้ว แพทย์ได้แจ้งกับตนว่าเป็นไตวายระยะสุดท้ายแล้ว จะต้องเดินทางไปฟอกไตที่โรงพยาบาล อาทิตย์ละ 3 ครั้ง ถ้าไม่ฟอกไตร่างกายก็จะแย่มากๆ ฉี่ไม่ออก น้ำท่วมปอดอาจจะเสียชีวิตได้ทันที ส่วนการเดินทางไปโรงพยาบาลก็เป็นอุปสรรค เพราะแม่ตาพิการข้างหนึ่ง มองเห็นไม่ค่อยชัด ตนก็จะคอยช่วยดูทางให้ตลอด คอยบอกว่ามีสัญญาณไฟแดงหรือสัญญาณไฟเขียวตรงไหนบ้าง และคอยช่วยเปิดไฟเลี้ยวให้ ที่ผ่านมาก็มีหลายหน่วยงานเข้ามาช่วยเหลือ อาทิ สำนักงาน ปภ. สำนักงานประกันสังคม อบจ.พิษณุโลก อบต.ท้องถิ่น ก็ช่วยเหลือกันพอสมควร แต่ทุกวันนี้ก็ยังลำบากเรื่องการเดินทาง จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องอำนวยความสะดวกเรื่องการเดินทางไปโรงพยาบาลบ้าง เพราะเป็นห่วงแม่ขับขี่รถจักรยานยนต์ไม่ค่อยแข็ง ขับรถจักรยานยน์ไม่เก่ง และอายุท่านก็มากแล้ว เคยเหมารถยนต์ไปครั้งหนึ่งก็มีค่าใช้จ่ายจำนวนมาก

ขณะที่ นายเจษฎา  จันทร์ท่าฬ่อ อายุ 35 ปี พนักงานช่างการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค จ.พิจิตร ซึ่งเป็นผู้ที่นำเรื่องราวไปโพสต์ลงเฟซบุ๊ก เล่าว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นช่วงวันที่ 30 ม.ค. ที่ผ่านมา ขณะที่ตนเองพาแม่ไปโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยนเรศวรเนื่องจากประสบอุบัติเหตุเล็กน้อย ระหว่างทางกลับบ้านก็พบกับรถจักรยานยนต์พ่วงข้างคันหนึ่ง แต่ต้องสะดุดสายตาเหลือบไปมองเห็นข้อความบนแผ่นป้ายไวนิลที่ติดเอาไว้ด้านหลังรถพ่วงข้างเขียนว่า “โปรดระวัง อย่าชนยาย ยายขับรถไม่เก่ง ยายจำเป็นต้องพาลูกพิการเดินไม่ได้ไปฟอกไต อาทิตย์ละ 3 ครั้ง ยายมาจากบางกระทุ่ม ยายอายุ 68 ปีแล้ว ยายตาไม่ดี อย่าชนยาย” ซึ่งตนเห็นแล้วน่าสงสารและน่าเห็นใจชีวิตของยายเป็นอย่างมาก เพราะอายุปูนนี้แล้วยังต้องลำบากพาลูกชายไปหาหมอฟอกไต จึงนำเรื่องราวทั้งหมดไปโพสต์ลงในเฟซบุ๊กส่วนตัว ซึ่งหลังจากโพสต์ไปไม่นานก็มีผู้ใจบุญติดต่อยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือจำนวนมาก หลังจากนั้นตนก็พยายามหาที่อยู่บ้านพักของยายเปรี้ยว กระทั่งทราบว่าพักอาศัยอยู่ที่บ้านหลังดังกล่าวจึงเดินทางมาหา ก็พบว่าสภาพบ้านค่อนข้างเก่าทรุดโทรมตามกาลเวลา หลอดไฟบางดวงก็ดับใช้งานไม่ได้ ด้วยความที่ตนทำงานเกี่ยวกับไฟฟ้าจึงซ่อมแซมให้ด้วยความยินดี ที่ได้ช่วยเหลือยายและเป็นสะพานบุญในครั้งนี้ นอกจากนี้จะทำการติดตั้งไฟส่องสว่างด้านท้ายรถจักรยานยนต์พ่วงข้างให้กับยายเปรี้ยว เพื่อให้รถยนต์ที่ขับตามมาด้านหลังมองเห็นเด่นชัด จะได้ป้องกันอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิด ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นกับยายเปรี้ยวระหว่างเดินทางพาลูกไปหาหมอฟอกไตที่โรงพยาบาลอีกด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า สำหรับผู้ที่ใจบุญมีจิตกุศลเมตตาคิดอยากช่วยเหลือครอบครัวของคุณยายเปรี้ยวให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น สามารถโอนเงินร่วมทำบุญได้ที่ธนาคารกรุงเทพ หมายเลขบัญชี 470-022600-6 สาขาบางกระทุ่ม ชื่อบัญชี นางเปรี้ยว สุขแสง หรือโทรสอบถามได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 063-1356643.

//////////////////////////////////////////////

แสดงความคิดเห็น