เมื่อเวลา 12.00 น.วันที่ 1 เมษายน 2564 เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยบูรพา และสมาคมกู้ภัยข่าวภาพ รับแจ้งมีบุคคลจมน้ำในแม่น้ำน่าน บริเวณชุมชนนวัตวิถี OTOP บ้านยางโทน ม.2 ต.วัดพริก อ.เมือง จ.พิษณุโลก ซึ่งเป็นจุดแลนด์มาร์กของชุมชน จำนวน 2 ราย มีพลเมืองดีช่วยเหลือนำส่งลงพยาบาลได้ 1 คน อีก 1 คนสูญหายไปในแม่น้ำน่าน จึงไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ
ในที่เกิดเหตุเป็นริมแม่น้ำน่าน ม.3 ต.วัดพริก อ.เมือง จ.พิษณุโลก พบเพื่อนของผู้สูญหายคือ นางประณัยยา เจริญเชาว์ อายุ 52 ปี อยู่บ้านเลขที่ 73 ม.2 ต.บึงพระ อ.เมือง จ.พิษณุโลก เล่าให้ฟังว่า ตนพร้อมเพื่อน และผู้สูญหาย ได้เดินทางมาพักผ่อนกันที่แห่งนี้ ซึ่งเป็น ชุมชนนวัตวิถี บ้านยางโทน ก็สั่งอาหารมาทานกันบริเวณริมน้ำ ตอนนั้นผู้สูญหาย คือ น.ส.สิริกาญจน์ ธัญพันธ์กิ่ง อายุ 51 ปี อยู่บ้านเลขที่ 100/180 หมู่ 2 ต.วัดจันทร์ อ.เมืองพิษณุโลก ซึ่งมาเล่นน้ำด้วย และบ่นว่าร้อนจึงชักชวนกันลงไปเล่นน้ำตรงหาดทรายริมน้ำ ซึ่งผู้สูญหายและเพื่อนอีกหนึ่งคน เล่นน้ำอยู่ด้วยกัน ส่วนตนและเด็กน้อยอีก 1 คน ก็เล่นอยู่อีกจุดหนึ่ง ไม่ไกลกันมากนัก สักแป๊บได้ยินเสียงคนโวยวายก็รีบหันไปดูเห็น น.ส.สิริกาญจน์ และเพื่อนอีกคนกำลังจะจมน้ำ เหตุการณ์มันเกิดขึ้นไวมาก เพื่อนของตนอีกคน ได้ลอยตามน้ำอยู่กลางแม่น้ำ ตนก็รีบตะโกนให้คนช่วย ส่วนนางสาวสิริกาญจน์ฯ ก็จมน้ำหายไปแล้ว ขณะนั้น นายชัยวิชิต เพ็งหัวรอ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 3 บ้านวัดพริก ที่อยู่บริเวณนั้นพอดี จึงรีบวิ่งลงมาคว้าไม้และกระโดดลงไปช่วยเพื่อนของตนอีก 1 คนขึ้นมาได้ และอยู่ในอาการช๊อคจึงรีบน้ำตัวส่งโรงพยาบาล
ด้านนายชัยวิชิต เพ็งหัวรอ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 3 บ้านวัดพริก คนที่ลงไปช่วยคนจมน้ำเล่าให้ฟังว่า ตอนนั้น ตนอยู่ด้านบนริมตลิ่ง กำลังจะกลับบ้าน เห็นว่ามีคนลงมาเล่นน้ำตรงจุดเล่นน้ำ ก็ไม่ได้คิดอะไรเพราะปกติคนก็จะลงเล่นน้ำบริเวณเป็นประจำ จู่ๆ ได้ยินเสียงคนตระโกนว่าช่วยด้วย มีคนจมน้ำ ตนก็รีบวิ่งลงไปก็เห็นผู้หญิงคนหนึ่งลอยไปอยู่กลางแม่น้ำ กำลังจะหมดแรง ตนก็คว้าไม่ไผ่แล้วรีบว่ายลงไปช่วย ตะโกนถามผู้หญิงคนนั้นว่าไหวไหม เขาบอกว่าเขาไม่ไหวแล้ว ตนเลยให้เขาเกาะปลายไม้ แล้วให้หงายท้องลอยตัวขึ้นแล้วตนก็ลากเข้ามาถึงฝั่งแล้วรีบให้คนพาส่งโรงพยาบาล ส่วนอีกหนึ่งคนที่จมน้ำหายไปนั้น ตนมองไม่เห็นแล้ว จึงรีบเรียกกู้ภัยเข้ามาตรวจสอบ
นายชัยวิชิต บอกต่ออีกว่าจุดนี้เป็นจุดนวัตวิถีชุมชน ปกติหน้าร้อนชาวบ้านก็จะมาขายของ เพราะคนนิยมมาเล่นน้ำกัน เพราะเป็นพื้นที่หาดทรายลาดลงไป เวลาหน้าแล้งนั้น สามารถเดินข้ามแม่น้ำน่านได้เลย แต่จุดตรงที่มีคนจมน้ำนั้น เป็นลักษณะโค้งตัวยู และมีน้ำวน ด้านล่างเป็นตะพักลึกมาก เพราะคนโบราณบอกว่าตรงนั้นเป็นวังอีแรด เป็นวัดเก่า มีรูปปั้นแรดจมอยู่ด้านล่าง ปกติจะมีทุนลอยเตือนไว้ ว่าห้ามเล่นน้ำตรงจุดนั้น แต่วัยรุ่นชอบมาเล่นน้ำกันแล้วลากทุนขึ้น วันเกิดเหตุก็ไม่มีทุนเตือน ประกอบกับกลุ่มผู้สูญหายไม่ใช่คนในพื้นที่จึงคาดว่าจะไม่รู้ว่าจุดนั้นเป็นพื้นที่อันตราย จึงทำให้จมน้ำดังกล่าว
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยบูรพาพร้อมด้วยสมาคมกู้ภัยข่าวภาพ ได้นำเรือลงตีทุ่นตามคำบอกเล่าของเพื่อนผู้สูญหาย และส่งนักประดาน้ำลงดำหา ใช้เวลากว่า 3 ชั่วโมง แต่ยังไม่พบผู้สูญหาย เนื่องจากจุดเกิดเหตุเป็นช่วงโค้งน้ำ มีตะพักลึก และน้ำวน ใต้น้ำระดับน้ำแรงมาก เป็นอุปสรรคต่อการค้นหาผู้สูญหาย จนกระทั่งเวลา 17.00 น. ทางเจ้าหน้าที่ยังไม่พบผู้สูญหายแต่อย่างใด
/////////////////////////