งัดหน้าต่าง ทุบตู้บริจาคในศาลสมเด็จพระนเรศวรมหาราช พระราชวังจันทน์

เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 27 ธ.ค. 2564 ร.ต.ท.ณัฐชัย  ศักดิ์บูรณะเพชร รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองพิษณุโลก รับแจ้งเกิดเหตุ โจรย่องเบา งัดตู้บริจาค 3 ตู้ ภายในศาลสมเด็จพระนเรศวรมหาราช พระราชวังจันทน์ ต.ในเมือง อ.เมือง พิษณุโลก จึงรายงาน พ.ต.อ.ภาคภูมิ ปราบศรีภูมิ ผกก.สภ.เมืองพิษณุโลก ผู้บังคับบัญชารับทราบ แล้วจึงรุดตรวจสอบพร้อมด้วยตำรวจฝ่ายสืบสวน พบว่าคนร้ายได้งัดลูกกรงไม้บานหน้าต่างด้านทิศเหนือ จากไม้จำนวน 6 อัน หักออกไป 2 อัน เหลืออยู่ 4 อัน ซึ่งอยู่สูงจากพื้นประมาณ 1.8 เมตร แต่คนร้ายก็สามารถปีนเข้าไปได้ภายในศาลสมเด็จพระนเรศวรก่อเหตุงัดตู้บริจาคที่ตั้งภายในศาลถึง 3 ตู้ คาดว่าได้ทรัพย์สินเป็นเงินจากการบริจาคประมาณ 1 หมื่นบาท ก่อนจะหลบหนีไปอย่างลอยนวล

 

จากการสอบถาม นายชิววัฒน์   ชัยแก้ว  อายุ 60 ปี ผู้ดูแลศาล เปิดเผยว่า ตนเองทำงานดูแลศาลสมเด็จฯ ร่วม 10 ปีแล้ว ไม่เคยถูกโจรย่องเบาลักทรัพย์และทุบตู้บริจาคมาก่อนเลย ซึ่งครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่คนร้ายกล้าลงมืองัดตู้บริจาคทั้ง 3 ตู้ ซึ่ง 2 ตู้นั้นเป็นตู้ของมูลนิธิสมเด็จพระนเรศวรมหาราชเพื่อการศึกษาสำหรับเด็กและเยาวชน จ.พิษณุโลก และของศาลสมเด็จฯ 1 ตู้ ซึ่งปกติจะเปิดตู้ทุกเดือนตามที่คณะกรรมการกำหนดเอาไว้เพื่อนำเงินบริจาคไปเป็นทุนการศึกษาของเด็กนักเรียนในจังหวัดพิษณุโลก ซึ่งปกติแล้วจะปิดประตูรั้วด้านหน้า แต่ครั้งนี้ตอนกลางคืนเปิดไว้เพื่อจัดงานเปิดสะพานวังจันทน์ สำหรับยามหรือ รปภ. นั่นมีเพียง 1 คนเท่านั้น ดูแลรอบๆ พระราชวังจันทน์ทั้งหมด ที่สำคัญกล้องวงจรปิดเฉพาะส่วนของศาลสมเด็จฯ นั้น ไม่มีแม้แต่ตัวเดียว ก็ไม่เคยคิดว่าหน่วยราชการของพิษณุโลกหลายหน่วยที่ร่วมกันดูแล ไม่คิดติดตั้งกล้องวงจรปิดสักตัว ก็วอนให้ตำรวจช่วยติดตามคนร้ายมาให้ได้ เพราะยอดเงินที่หายไปทั้ง 3 ตู้ ก็เชื่อว่าจำนวนถึงหลักหมื่นบาท ซึ่งปกติทุกเดือนเจ้าหน้าที่มูลนิธิฯ และเจ้าหน้าที่ศาลฯ ซึ่งเป็นคณะกรรมร่วมมาเปิดตู้พร้อมกัน แต่ไม่ได้ระบุว่าจะเปิดนำเงินออกไปวันใด จนกระทั่งมาเกิดเหตุการณ์คนร้ายเข้ามางัดตู้บริจาคอย่างไม่เกรงกลัวบาปเลย เพราะศาลสมเด็จฯ ถือว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของชาว จ.พิษณุโลก คนต่างถิ่นหรือต่างจังหวัดมักแวะเวียนกันมากราบไหว้ขอพรองค์สมเด็จพระนเรศวรมหาราชอีกด้วย

ด้าน พ.ต.อ.ภาคภูมิ ปราบศรีภูมิ ผกก.สภ.เมืองพิษณุโลก กล่าวว่า  คดีนี้ได้สั่งการให้ตำรวจชุดสืบสวนลงพื้นที่เร่งติดตามหาตัวคนร้ายที่ก่อเหตุแล้ว คาดว่าน่าจะอาศัยความเงียบยามค่ำคืน ย่องเข้ามาทางด้านหน้าศาลฯ ช่วงเวลาปลอดคน ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างเช็คประวัติกลุ่มผู้ต้องสงสัยที่เคยมีประวัติก่อเหตุในลักษณะเดียวกัน ซึ่งคาดว่าจะสามารถติดตามจับกุมตัวได้ในเร็วๆ นี้ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.

////////////////////////////

แสดงความคิดเห็น