พิษณุโลก เฮียฝาเศรษฐีบ้านหนองตม อ.พรหมพิราม ลุยฟ้องอดีตลูกเขยนายแบงก์เก่ายักยอกทรัพย์กว่า 65 ล้านบาท
เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 18 มิ.ย.2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดพิษณุโลก นายสมยศ พงศ์กิตติโพสิฐ อายุ 56 ปี พร้อมด้วยบิดา คือ นายประเสริฐ แก้วผกาผ่องศรี อายุ 81 ปี หรือเฮียฝา เศรษฐีชาวหนองตม ต.วงฆ้อง อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก ได้เดินทางนำเอกสารหลักฐานสำคัญต่างๆ เพื่อมายืนเรื่องต่อนายเชาวลิตย์ ชมวิจิตร ผอ.กลุ่มงานศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดพิษณุโลก เนื่องจากประมาณ 4 ปีที่ผ่านมา ทั้งคู่ได้เคยเข้ามาร้องเรียนกรณีถูกลูกสาวซึ่งเป็นลูกติดภรรยาและลูกเขยซึ่งเคยเป็นอดีตผู้จัดการธนาคารแห่งหนึ่งในพื้นที่ภาคเหนือ ก่อเหตุยักยอกทรัพย์เงินในบัญชีธนาคารที่ได้ฝากไว้ไปจำนวนมากกว่า 65 ล้านบาท ที่ผ่านมาได้มีการไปร้องเรียนธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อให้ตรวจสอบธนาคารที่อดีตลูกเขยเคยทำงานอยู่ ทั้งรายการโอนเงินต่างๆ เอกสารรายการเดินบัญชี หรือสเตทเม้นท์ ซึ่งระบุปลายทางของผู้รับเงินดังกล่าวเป็นของคู่กรณี และมีการโอนเงินจำนวนหลายครั้งแตกต่างกันไป จนเรื่องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมของศาลชั้นต้นได้พิจารณาคดีให้ยกฟ้องแก่จำเลยผู้ถูกกล่าวหา
ล่าสุดวันนี้ทางฝั่งของเฮียฝาได้มีหลักฐานใหม่เพื่อที่จะขอยืนฟ้องศาลอุทธรณ์ พร้อมทั้งให้ทางศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดพิษณุโลกได้ประสานไปยังตำรวจภูธรจังหวัดพิษณุโลก เพื่อนำเรื่องยื่นต่อตำรวจภูธรจังหวัดลำปาง และ ตำรวจภูธรจังหวัดแพร่ พื้นที่เกิดเหตุ เนื่องจากก่อนหน้านี้เคยนำหลักฐานไปแสดงต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจจังหวัดดังกล่าวแล้ว หลังได้หลักฐานสำคัญบัญชีการโอนเงินไปยังปลายทางของคู่กรณี แต่ทางตำรวจได้ตรวจสอบแล้วกลับไม่พบปลายทางของผู้รับเงินทั้งหมดแต่อย่างใด สร้างความเคลือบแคลงใจและสร้างความสงสัยให้เป็นอย่างมาก เพราะมีหลักฐานมัดตัวผู้กระทำแต่เจ้าหน้าที่ตำรวจกลับแจ้งว่าไม่มีปลายทางของผู้รับเงิน จึงต้องออกมาขอความเป็นธรรมกับสื่อมวลชนและกระบวนการยุติธรรม เพื่อหวังว่าสุดท้ายปั้นปลายชีวิตจะได้ใช้เงินที่ตนเองเป็นผู้หามาด้วยความยากลำบาก แต่กลับโดนคนใกล้ชิดที่ไว้ใจมาก่อเหตุยักยอกทรัพย์ไปเช่นนี้
ด้าน นายประเสริฐ แก้วผกาผ่องศรี หรือเฮียฝา เปิดเผยว่า สมัยก่อนครอบครัวตนมีฐานะยากจน แต่ทำธุรกิจหลายอย่างทั้งค้าขายข้าวเปลือก ปล่อยเงินกู้ รับฝากจำนองโฉนดที่ดินจนมีทรัพย์สินกว่า 100 ล้านบาท ก่อนจะแต่งงานกับภรรยาและมีลูกแท้ๆ ด้วยกัน 2 คน เป็นลูกชาย ส่วนภรรยานั้นมีลูกติดมาด้วย 3 คน หนึ่งในนั้นก็คือภรรยาของอดีตผู้จัดการธนาคารที่ตนได้ฝากเงินไว้ หลังภรรยาเสียชีวิตจึงมีการแบ่งทรัพย์สินเป็นเงินคนละประมาณ 20 ล้าน ต่อมาลูกชายคนโตสังเกตเห็นความผิดปกติ พบเงินถูกถอนไปโดยไม่มีสมุดบัญชีและมีการทำตั๋วแลกเงินไม่สั่งจ่ายเป็นเช็คหลายครั้ง จนมาทราบภายหลังว่าเงินในบัญชีถูกถ่ายโอนไปยังบัญชีของคู่กรณี จึงนำมาสู่การต่อสู้หาพยานและหลักฐานต่างๆ เพื่อใช้ต่อสู้คดีความและเพื่อดำเนินคดีกับฝั่งคู่กรณีตามกฎหมายต่อไป.
//////////////////////////////