จังหวัดพิษณุโลกรวมพลังน้ำใจจากภาครัฐ เอกชน และประชาชน ส่งต่อความห่วงใยสู่แนวหน้า มอบเงินและสิ่งของจำเป็นมูลค่ากว่า 800,000 บาท ให้กองทัพภาคที่ 3 เพื่อช่วยเหลือทหารและประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบชายแดนไทย–กัมพูชา โดยแม่ทัพภาคที่ 3 ย้ำ “แนวหน้าไม่เคยเดียวดาย เพราะแนวหลังไม่เคยทอดทิ้ง”
วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ภาครัฐ ภาคประชาชน และองค์กรจิตอาสาจังหวัดพิษณุโลกรวมพลังความช่วยเหลือ มอบเงินและสิ่งของจำเป็นรวมมูลค่ากว่า 800,000 บาท ให้แก่กองทัพภาคที่ 3 เพื่อส่งต่อช่วยเหลือทหารแนวหน้าและประชาชนในพื้นที่ชายแดนไทย–กัมพูชา ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์สู้รบ โดยมี นายทวี เสริมภักดีกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก เป็นผู้แทนในการส่งมอบ และ พลโทกิตติพงษ์ แจ่มสุวรรณ แม่ทัพภาคที่ 3 เป็นผู้รับมอบ ณ สโมสรบันเทิงทัพ ค่ายสมเด็จพระนเรศวรมหาราช อ.เมือง จ.พิษณุโลก
การส่งมอบความช่วยเหลือในครั้งนี้ เป็นความร่วมแรงร่วมใจจากหลากหลายภาคส่วน ทั้งหน่วยงานราชการ ภาคเอกชน ชมรม สมาคม โรงเรียน และกลุ่มพลังมวลชนในพื้นที่ อาทิ สมาคมผู้เสียสละจังหวัดพิษณุโลก สมาคมทหารผ่านศึก ชมรมศิษย์เก่าหลายสถาบัน โรงเรียน เทศบาล และกลุ่มจิตอาสาต่าง ๆ โดยสิ่งของที่รวบรวมได้ ประกอบด้วยเงินบริจาค ผ้าห่มกว่า 500 ผืน อาหารแห้ง ยารักษาโรค เสื้อผ้า น้ำพริก ขนมปัง กล้วยตาก และของใช้จำเป็นอื่น ๆ ซึ่งจะถูกจัดส่งไปยังศูนย์พักพิงและแนวชายแดนที่ได้รับผลกระทบอย่างเร่งด่วน
แม่ทัพภาคที่ 3 กล่าวแสดงความซาบซึ้งต่อทุกแรงสนับสนุน พร้อมให้คำมั่นว่า กองทัพภาคที่ 3 จะดำเนินการแจกจ่ายสิ่งของและเงินช่วยเหลือให้ถึงมือทหารแนวหน้า อาสา และผู้ประสบภัยโดยตรง โดยเน้นกลุ่มเปราะบาง เช่น ผู้สูงอายุ เด็กเล็ก และครอบครัวในศูนย์พักพิงตามแนวชายแดนที่ต้องเผชิญกับความไม่สงบและสภาพความเป็นอยู่ที่ยากลำบาก
พลโทกิตติพงษ์ แจ่มสุวรรณ แม่ทัพภาคที่ 3 ได้กล่าวว่า จริง ๆ ทางกองทัพภาคที่ 3 เองก็เกรงใจพ่อแม่พี่น้องประชาชน ไม่อยากรบกวน แต่ที่ผ่านมา มีพี่น้องประชาชนจากพิษณุโลกและจังหวัดใกล้เคียง ยื่นความประสงค์อยากส่งของใช้จำเป็นให้กับทหารแนวหน้าเป็นจำนวนมาก ทางกองทัพภาคที่ 3 จึงอาสาเป็นพื้นที่ศูนย์กลางในการรวบรวมสิ่งของบริจาคจากประชาชนเพื่อจัดส่งให้ถึงพื้นที่แนวหน้าโดยเร็วที่สุด โดยใช้ระบบการขนส่งทางทหารที่มีอยู่เดิม และกำลังพลบางส่วนของกองทัพภาคที่ 3 ซึ่งขณะนี้กำลังปฏิบัติภารกิจร่วมกับกองทัพภาคที่ 2 อยู่แล้ว จะเป็นผู้จัดส่งสิ่งของไปยังพื้นที่เป้าหมาย พร้อมเน้นว่า สิ่งของเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างน้ำพริก กล้วยตาก ข้าวสาร ไข่ เป็นเครื่องหมายของความห่วงใยจากแนวหลังสู่แนวหน้า เพื่อให้ทหารที่อยู่แนวหน้ารู้ว่าเขาไม่ได้โดดเดี่ยว คนแนวหลังยังคิดถึงและเอาใจช่วยอยู่เสมอ
ในด้านยุทธศาสตร์ แม่ทัพภาคที่ 3 ยังกล่าวถึงความพร้อมของกองกำลังทหาร โดยระบุว่า แต่ละกองทัพภาคมีการจัดเตรียมกำลังหนุนไว้ในพื้นที่ประจำการ แม้จะไม่ใช่หน่วยที่ออกปฏิบัติการในแนวหน้าโดยตรงในระยะแรก แต่กองทัพภาคที่ 3 มีความพร้อมเป็นหน่วยสนับสนุนเต็มที่ หากเกิดสถานการณ์จำเป็นต้องผลัดเปลี่ยนหรือสนับสนุนหน่วยแนวหน้าที่อ่อนล้าหรือบาดเจ็บ เรามีหน่วยเตรียมพร้อมอยู่ในที่ตั้ง พร้อมปฏิบัติภารกิจตามคำสั่งของกองทัพบกได้ทันที นี่คือหน้าที่ของกองทัพภาคที่ 3 ที่ต้องดูแลทั้งแนวชายแดน และเป็นกำลังสำรองในสถานการณ์ไม่ปกติ
แม่ทัพภาคที่ 3 ยังได้กล่าวถึงเหตุการณ์การลอบวางระเบิดนอกพื้นที่ประสาทตาควาย ว่าเป็นการละเมิดข้อตกลงระหว่างประเทศ เนื่องจากทั้งสองฝ่ายได้ลงนามในอนุสัญญาเกี่ยวกับการห้ามใช้กับระเบิดไว้แล้ว อนุสัญญาออตตาวาที่ลงนามร่วมกันนั้น มีผลชัดเจน แต่กลับพบการลอบวางระเบิดในพื้นที่ชายแดน ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่ย้อนแย้ง ทั้งที่ประเทศของเขาเองก็เคยมีประชาชนพิการจากระเบิดจำนวนมากแต่ยังทำแบบนี้
นางศศิวัณย์ ศรีพรหม ที่ปรึกษาประธานสภาอุตสาหกรรม ท่องเที่ยวจังหวัดพิษณุโลก ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง 1 ได้กล่าวว่า วันนี้ได้เป็นส่วนหนึ่งในการร่วมส่งแรงใจพร้อมด้วยสิ่งของอุปโภคบริโภคและเงินจำนวนหนึ่งเพื่อส่งต่อให้กับทหารแนวหน้าในเขตแนวชายแดนไทยกัมพูชาพร้อมขออาราธนา สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่บ้านคู่เมืองของจังหวัดพิษณุโลก ให้ช่วยปกปักรักษาและคุ้มครองทหารแนวหน้าทุกนายและพี่น้องประชาชนในแนวชายแดนให้ปลอดภัยและกลับคืนสู่ปกติโดยเร็ววัน
ขณะที่บรรยากาศการส่งมอบสิ่งของในวันดังกล่าวเต็มไปด้วยความอบอุ่นและน้ำใจของประชาชนที่มาร่วมกิจกรรมอย่างพร้อมเพรียง โดยมีเจ้าหน้าที่ทหารจากหลายหน่วยให้การอำนวยความสะดวกตลอดกิจกรรม การรวมพลังครั้งนี้นับเป็นภาพสะท้อนที่ชัดเจนของ “พลังน้ำใจคนไทย” ที่พร้อมช่วยเหลือกันไม่ว่าอยู่ในสถานการณ์ใด โดยเฉพาะจาก “คนแนวหลัง” ที่ไม่เคยทอดทิ้ง “คนแนวหน้า” และพร้อมส่งต่อกำลังใจถึงชายแดนไทย–กัมพูชาอย่างต่อเนื่อง
/////////////