1 คำอธิษฐาน สู่ 1,000 ภาพ บันดาลใจ “พสธร กุลคง” ศิลปินนักเดินทางด้วยศิลปะ

1 คำอธิษฐาน สู่ 1,000 ภาพ บันดาลใจ “พสธร กุลคง” ศิลปินนักเดินทางด้วยศิลปะ
ชายหนุ่มที่นั่งวาดรูปในตลับพระเล็ก ๆ เสียจนไม่น่าจะวาดได้ถนัด เขาสงบนิ่งและจดจ่อทุกครั้งที่เริ่มลงมือบันทึกสิ่งที่เห็นตรงหน้า จนกระทั่งนักข่าวท้องถิ่นคนหนึ่งสังเกตเห็นความสวยงามแปลกตา จึงเข้าไปพูดคุย และได้ทราบว่าเขาชื่อ “จอร์น” พสธร กุลคง ศิลปินผู้เดินทางและบันทึกภาพในตลับพระด้วยสีน้ำมัน เขาเรียกผลงานชุดนี้ว่า “นิทรรศการภาพเขียนสีน้ำมัน 1 ปีกับคำอธิษฐาน” จนกลายเป็นข่าวที่ทำให้สังคมรู้จักศิลปินหนุ่มคนนี้
การเดินทางของจอร์น พสธร เริ่มจากการตัดสินใจออกจากชีวิตที่มั่นคงในเมืองหลวง แม้ครอบครัวจะเป็นห่วงและคาดหวังในความสำเร็จ แต่เขาเลือกเดินตามทางของตนเอง หลังเรียนจบ เขาเคยเป็นผู้ช่วยอาจารย์ในมหาวิทยาลัย ก่อนจะออกมาทำงานศิลปะเต็มตัว เขามองว่าความสำเร็จที่ครอบครัวคาดหวังนั้น เป็นเพียงความตื่นเต้นชั่วคราว เช่นเรียน ทำงานมีความสำเร็จใรหน้าที่การงาน และอาจไม่เหมาะกับทุกช่วงเวลาในชีวิต เขาเพียงต้องการให้จังหวะชีวิตมีความสุขเล็ก ๆ เป็นธงนำ แล้วความสำเร็จจะเกิดขึ้นจากภายในเอง
งานศิลปะจิ๋ว ของเขาจึงเกิดขึ้นจากการวาดภาพลงบนผ้าและบรรจุในกล่องเหล็ก จุดเริ่มต้นมาจากการเห็นกล่องเหล็กของพี่ชายที่เมื่อหล่นแล้วของข้างในไม่เสียหาย เขาจึงคิดว่าหากเก็บงานศิลปะไว้ในกล่องเหล็กก็น่าจะปลอดภัย กล่องเหล่านี้ภายในบุผ้าและบีบสีน้ำมันเตรียมไว้ ทำให้พร้อมพกพาไปวาดภาพทั้งในและต่างประเทศ เขามักพกไปครั้งละ 10 ตลับ ใช้เพียงพู่กันเดียวได้นานเป็นเดือน หรือแม้แต่กิ่งไม้ก็สามารถใช้วาดได้
บรรยากาศการเดินทางและการวาดภาพทำให้เขาได้พบผู้คนมากมาย บางครั้งผู้ที่ชื่นชอบผลงานก็ได้รับภาพนั้นเป็นของขวัญ การจัดแสดงครั้งแรกมีเพียงไม่กี่ชิ้น งานจิ๋วแต่น่ารักดึงดูดผู้ชม แต่เมื่อจัดแสดงกว่า 1,000 ชิ้นที่หอศิลป์บ้านเจ้าพระยา กลับพบว่ามากเกินไปจนคนดูไม่ทั่วถึง ทำให้เขาเรียนรู้ว่าการจัดแสดงงานศิลปะต้องพอดี จึงปรับวิธีจัดเป็นกลุ่มและแสดงอย่างต่อเนื่อง จนผลงาน “ศิลปะจิ๋วในกล่องเหล็ก” ได้รับการยอมรับ
ทุกภาพในกล่องเป็นผลจากการเดินทางในช่วงเวลานั้น ๆ ปีแรกของ “1 ปีกับคำอธิษฐาน” มีเพียง 60 ชิ้น แต่เต็มไปด้วยเรื่องราวและผู้คนที่เขาพบ ซึ่งเขามองว่าทุกคนได้ร่วมอธิษฐานไปกับเขา เขาบันทึกคำอธิษฐานลงในทุกภาพ และเมื่อเวลาผ่านไปผลงานเพิ่มเป็นกว่า 1,000 ชิ้น กลายเป็น “1,000 คำอธิษฐาน” ที่จัดแสดงที่หอศิลป์บ้านเจ้าพระยานานหนึ่งเดือน นับเป็นช่วงเวลาที่เขาภาคภูมิใจ
เขาเล่าว่า “จริง ๆ ความสุขเกิดขึ้นตั้งแต่เริ่มทำงานชิ้นนี้แล้ว” และยังมีผู้สนับสนุนที่เขาเรียกว่า “ผู้พิทักษ์” ซื้อผลงานเพื่อให้ทุนในการจัดแสดง ทำให้เขามีเป้าหมายจัดนิทรรศการปีละครั้ง ส่วนคำอธิษฐานของเขานั้นเรียบง่าย—เพียงอยากให้ศิลปินทุกคนมีความสุขกับสิ่งที่ทำ และรู้ว่าหยุดพักได้เสมอ
อีกหนึ่งก้าวสำคัญ เกิดขึ้นเมื่อปีถัดมา เราได้ติดตามจอร์นไปยังบ้านสีขาวหลังหนึ่งแถววัดธรรมจักร เมืองพิษณุโลก บ้านที่เขาเก็บเงินซื้อไว้เพื่อใช้เป็นพื้นที่ทำงานศิลปะในชื่อ “White Mondial” ที่นี่เป็นทั้งสตูดิโอ แกลเลอรี และสถานที่สอนศิลปะแก่เด็กและเยาวชน ภายในบ้าน 2 ชั้นสะอาดตา ทุกห้องเต็มไปด้วยภาพที่เขาวาด เขาฝันให้ที่นี่เป็นพื้นที่พบปะและแลกเปลี่ยนกับผู้สนใจศิลปะ
เขาสอนศิลปะให้เด็ก ๆ ด้วยอุปกรณ์คุณภาพระดับมืออาชีพ ทั้งเฟรม พู่กัน สีน้ำ และสีน้ำมัน แต่เก็บค่าเรียนเพียง 200 บาท รับเพียงครั้งละ 5 คนเท่านั้น เขาเชื่อว่าการเป็นศิลปินคือการใช้ชีวิต ส่วนการเป็นครูสอนศิลปะคือการ “ภาวนา” เพื่อส่งมอบความงามไว้ในใจผู้คน และยิ่งให้มาก ก็ยิ่งได้ฝึกฝนมากขึ้น เขาจึงพร้อมไปสอนทุกที่—ทั้งในโรงเรียน ชุมชน หรือแม้แต่ในทัณฑสถาน
 นี่คือทุกวันกับคำอธิฐานของ พสธร กุลคง” ศิลปินนักเดินทางด้วยศิลปะ เด็กหนุ่มที่จิตวิญญาณของเขาได้หลอหลอมจากชุมชนที่โอบล้อมด้วยธรรมชาติ มีน้ำตกปอย เป็นความทรงจำที่เขาอยากให้มี หอศิลป์ที่นั้น
และวันนี้ White Mondial สตูดิโอแสดงงานในบ้านหลังสีขาวได้เกิดขึ้นแล้ว ไม่แน่ว่าหอศิลป์ที่น้ำตกปอยอาจเป็นคำอธิฐานของผู้ชายคนนี้ ซึ่ง เขาไม่เคยทำแค่พนมมือเพื่อร้องขอ แต่ลงมือปฎิบัติทุกวันด้วยความสุข และมีความเชื่อว่ามันจะสำเร็จ
สุธีร์ เรืองโรจน์ รายงาน
Paul wonder ถ่ายภาพ

แสดงความคิดเห็น