บางระกำ เป็นอำเภอหนึ่ง ของ จังหวัดพิษณุโลก ที่ทุกปีชาวบ้านจะต้องเผชิญกับสภาพน้ำท่วมบ้านเรือนละพื้นที่การเกษตรเป็นบริเวณกว้าง ในอดีตนาข้าวเกิดความเสียหายจนชาวบ้านแทบสิ้นเนื้อประดาตัว แต่หลังจากมีโครงการบางระกำโมเดล ในปี 2560 ชลประทานมีการบริหารจัดการน้ำเปลี่ยนให้ชาวนาทำนาเร็วขึ้นเก็บเกี่ยวก่อนน้ำไหลหลากท่วมพื้นที่ จนทุกวันนี้ นาข้าวไม่เกิดความเสียหาย แต่ชาวบ้านยังต้องทนทุกข์อยู่กับน้ำท่วม ยาวนาน 2-4 เดือน ในทุกปี
15 ตุลาคม 2568 ปลายฤดูฝนแล้ว แต่พื้นที่ลุ่มต่ำในขตบางระกำโมเดลทั้งของจัหวัดพิณุโลกและสุโขทัย ยังต้องอยู่กับสภาพน้ำท่วมขังสูง เป็นวงกว้าง และกว่าน้ำในพื้นที่จะรายออกจนแห้งทำนาได้ก็จะประมาณกลาเดือนพฤศจิกายน 2568 เป็นอีกปีหนึ่งที่น้ำมาก พอ ๆ กับปีน้ำท่วมใหญ่ 2554
นายชำนาญ ชูเที่ยง ผู้อำนวยการโครงการชลประทานพิษณุโลก กล่าวว่า จ.พิษณุโลกของเรามีแม่น้ำหลัก 2 สายคือแม่น้ำน่าน และแม่น้ำยมที่ไหลผ่าน แม่น้ำยมไหลผ่าน อ.พรหมพิราม อ.เมืองและอ.บางระกำ ปีนี้ สถานการณ์แม่น้ำน่าน ผ่านภาวะวิกฤต จากเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ตัวเมืองพิษณุโลก ระดับน้ำแม่น้ำน่านสูงถึง 10.42 เมตรเกิดน้ำผุดท่อ ท่วมบางพื้นที่ แต่ไม่เกิดการล้นตลิ่ง ปัจจุบันระดับน้ำลดลง เริ่มเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว คาดว่าสัปดาห์หน้าน่าจะไม่มีผลกระทบใดๆ แต่สำหรับแม่น้ำยม ที่ไหลผ่าน 3 อำเภอ โดยเฉพาะอำเภอบางระกำ ฝั่งซ้ายถูกกำหนดเป็นพื้นที่ในเขตชลประทาน ฝั่งขวาอยู่นอกเขตชลประทาน ในส่วนที่อยู่ในเขตชลประทาน เราได้ทำโครงการ “บางระกำโมเดล” ทำในเขตพื้นที่ อุตรดิตถ์ สุโขทัย และพิษณุโลก พื้นที่รวมทั้งหมด 337,000 ไร่ ส่วนใหญ่พื้นที่อยู่ในพื้นที่จังหวัดพิษณุโลก จะเห็นว่าพิษณุโลกอยู่ในพื้นที่บางระกำโมเดล สถานการณ์น้ำ ระดับน้ำ ปริมาณน้ำ ถ้ามองเทียบในปี 54 สถานการณ์ภาพการเกษตร ตอนปี 54 เรายังไม่มีโครงการบางระกำโมเดล เกิดผลกระทบเกิดขึ้นเกิดความสียหายพื้นที่เกษตร หลังจากมีโครงการบางระกำโมเดล ความเสียหาย ด้านโครงการเกษตรเกิดน้อยลง
ผลกระทบที่เกิดขึ้น แยกเป็น 2 ส่วน พื้นที่การเกษตร เกษตรกรในโครงการบางระกำโมเดล เริ่มทำการเกษตรตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน จนถึงปัจจุบันเก็บเกี่ยวไปหมดแล้ว พื้นที่การเกษตรไม่มีความเสียหายใดๆ แต่พื้นที่นอกเขต ชลประทาน อาจจะมีบางพื้นที่เพาะปลูก ล่าช้ากว่า อาจจะมีความเสียหายเกิดขึ้น แต่ก็อยู่นอกเขต โครงการบางระกำโมเดล
โครงการบางระกำโมเดล จะเห็นว่าปริมาณน้ำที่หน่วงเอาไว้ จากการที่เรามีข้อตกลงระหว่างประชาชนกับส่วนราชการ ที่ต้องอยู่ในน้ำที่กักเก็บปริมาณ 400 ล้านลูกบาศก์เมตร แต่จน ณ ปัจจุบันเราสามารถหน่วงน้ำไว้กว่า 500 ล้านลูกบาศก์เมตร สืบเนื่องมาจากว่าปีนี้ แม่น้ำน่าน เกิดภาวะวิกฤต ส่วนหนึ่งของแม่น้ำยม จะเกิดการถ่ายเท หรือแบ่งเบาภาระ ซึ่งกันและกัน เราก็จะผันน้ำจากแม่น้ำยมมาสู่แม่น้ำน่าน ผ่านคลอง DR 2.8 และ DR 15.8 แต่ปีนี้เราไม่สามารถผันน้ำจากแม่น้ำยมลงสู่แม่น้ำน่าน ได้ เพราะว่าแม่น้ำน่านสูง นอกจากนี้ มีมวลน้ำจากจังหวัดสุโขทัย มาเติมปริมาณมาก ทำให้ปริมาณน้ำเกินกว่าระดับน้ำที่เราจะควบคุมได้ ทำให้เกิดผลกระทบโดยเฉพาะประชาชน ที่อยู่ในเขตโครงการบางระกำโมเดล ไม่สามารถสัญจรในพื้นที่บางส่วนต้องใช้เรือ ต้องยอมรับว่าปีนี้ระดับน้ำเกินกว่าสภาพที่เราจะรับได้
แต่ผมอยากเรียนว่าโครงการบางระกำโมเดลไม่ใช่เรื่องของโครงการก่อสร้าง บางคนเข้าใจว่า โครงการบางระกำโมเดลเป็นโครงการที่มีการก่อสร้าง แล้วทำไมยังเกิดน้ำท่วมอยู่ โครงการบางระกำโมเดล หัวใจหลักคือการบริหารจัดการน้ำ ส่งน้ำให้เกษตรกร ให้เกษตรกรทำการเพาะปลูกก่อนฤดูกาล คือ ทำนาเริ่มวันที่ 1 เมษายน และเก็บเกี่ยวก่อนฤดู ไม่เกินวันที่ 15 สิงหาคม ซึ่งปีนี้ก็เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วันที่ 15 สิงหาคมก็เก็บเกี่ยวไปแล้ว น้ำจึงมาถึงพื้นที่บางระกำ เกิดน้ำท่วมสูงอยู่ดี ถ้าทำโครงการบางระกำโมเดลแล้ว พื้นที่การเกษตร มีแนวโน้มที่ลดลง บางส่วน เริ่มทรงตัว ก็คาดว่าแม่น้ำยมก็น่าจะลดลงตามลำดับ แต่การลดลงอาจจะเป็นไปอย่างช้า เพราะพื้นที่แม่น้ำยมค่อนข้างกว้าง แม่น้ำยมพิษณุโลก พิจิตร สุโขทัยเป็นพื้นที่เดียวกันทั้งหมด การลดลงก็น่าจะลดลงอย่างช้าๆ ปีนี้ดีที่สุดน่าจะกลางพฤศจิกายน จึงจะกลับสู่ภาวะปกติ
แต่อย่างไรก็ตาม โครงการบริหารจัดการน้ำของกรมชลประทาน ก็จะบริหารจัดการน้ำให้ลดผลกระทบมากที่สุด เช่นเราบริหารจัดการโดยให้เขื่อนสิริกิติ์ลดการระบายน้ำ ให้เขื่อนแควน้อยบำรุงแดนเก็บกักน้ำให้ได้ 100% ถ้าไม่มีฝนตกเหนือเขื่อน ก็จะมีการเก็บน้ำเอาไว้เหนือเขื่อน หน่วงน้ำเอาไว้ตอนบน ส่วนตอนล่าง การจัดการผันน้ำแม่น้ำยมลงสู่แม่น้ำน่านลงส่วนหนึ่ง สถานการณ์น่าจะคลี่คลาย เพราะพายุแมตโม ที่เราคาดว่าจะเข้ามาในช่วงสัปดาห์นี้มีผลกระทบกับประเทศไทยโดยตรง น่าจะส่งผลดี ทำให้สถานการณ์คลี่คลายลงไป ส่วนประชาชนในพื้นที่หน่วงน้ำ ปัจจุบันเราช่วยเหลือแรกๆเราช่วยเหลือด้วยให้กรมชลประทาน ส่งน้ำให้เกษตรกรได้ทำการเพาะปลูกข้าวก่อนฤดูกาล เก็บเกี่ยวเป็นผลดี

แรกๆของการจัดการโครงการนี้ เริ่มตั้งแต่ปี 60 ถึงปี 68 ซึ่งก็ได้ผลที่ดีประชาชนสามารถทำการเพาะปลูก และเก็บเกี่ยวก่อนฤดูน้ำหลาก ผลกระทบที่เกิดตอนนี้ เป็นเรื่องของการอยู่อาศัยของประชาชนในพื้นที่ ซึ่งจะทำอย่างไร ที่เราจะเร่งลดระดับน้ำ ให้เร็วที่สุด เพื่อให้เกษตรกรในพื้นที่ร่วมน้ำท่วมเก็บเกี่ยวทัน บริเวณบ้าน น้ำต้องลดลงอย่างรวดเร็ว
ส่วนการช่วยเหลือเยียวยาต่างๆจังหวัดพิษณุโลกเองก็พยายามเข้าไปช่วยเหลือ ลำดับแรกคือจะทำยังไงให้เขาอยู่ได้ ช่วงนี้ถุงยังชีพก็พยายามเข้าไปแจกจ่าย ในแต่ละบ้านให้ทั่วถึง เพราะพื้นที่น้ำท่วมในช่วงนี้ค่อนข้างร้ายแรง ใช้เวลายาวนาน อีกส่วนหนึ่งจะทำอย่างไรที่จะพยายามเยียวยาครัวเรือนที่ได้รับผลกระทบ จากน้ำท่วม ตรงนี้เป็นไปตามระเบียบของกรมบรรเทาสาธารณภัย คงต้องไปดูระเบียบถ้าตรงตามระเบียบ เชื่อว่ารัฐบาล จังหวัดหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ก็จะเข้าไปตรวจสอบความเสียหาย อีกส่วนหนึ่ง ทำยังไงในวันข้างหน้า จะให้ประชาชนได้อยู่อาศัย อย่างแท้จริงอย่างยั่งยืนในอนาคตข้างหน้า ก็จะเสนอแผนงาน ยกระดับถนน น้ำถึง ไฟสว่าง ก็ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน และต้องอาศัย ทำอย่างไรให้ประชาชนเดือดร้อนน้อยที่สุดและแก้ไขปัญหาอย่างรวดเร็วที่สุด ซึ่งในช่วงนี้ทางรัฐบาลก็พยายามมาในพื้นที่เพื่อช่วยเหลือเยียวยา
ส่วนการช่วยเหลือเยียวยา ทางจังหวัดต้องมีประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติ ก็จะได้รับการเยียวยา จากที่เช็คพื้นที่ อ.บางระกำ ก็มีได้เงินช่วยเยียวยา 9,000 บาท แต่ได้ไม่ครบทั้งหมด มีเงื่อนไขเฉพาะ ทั้งที่เป็นพื้นที่น้ำท่วม ทั้งที่อยู่ในพื้นที่โครงการบางระกำโมเดล ทำไมถึงไม่ได้ทุกหลังคาเรือน แต่ โครงการบางระกำโมเดล ที่เขาให้ กับน้ำท่วมบ้าน ท่วมขังไม่น้อยกว่า 7 วัน นอกจากนี้สภาพบ้านต้องได้รับความเสียหายด้วย จึงจะไปช่วยเหลือได้
ด้านนายวิบูลย์ ตั้งเกษมวิบูลย์ นายกเทศมนตรีเทศบาลบางระกำเมืองใหม่ กล่าวว่า ปีนี้สถานการณ์น้ำของอำเภอบางระกำโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตำบลบางระกำ ซึ่งมีทั้งพื้นที่ในเขตโครงการบางระกำโมเดล และนอกเขต ก็เรียกว่าฝั่งขวาทั้ง 2 ฝั่งปริมาณน้ำมากเหลือเกิน นอกจากปริมาณน้ำที่มากและมีระยะเวลาที่ท่วมขังตั้งแต่เดือนสิงหาคมปริมาณน้ำโดยเฉพาะอย่างยิ่งค่าระดับปีนี้ อยู่ระดับ 42.8 รทก.(ระดับน้ำทะเลปานกลาง) มีระดับความสูงเกือบจะเทียบเท่าอุทกภัยปี 54 ในความแตกต่างของอุทกภัยปีที่แล้วกับปีนี้ ค่าระดับค่อนข้างสูงประชาชนได้รับความเดือดร้อน เป็นที่เรื่องที่อยู่อาศัยเป็นหลัก และที่อยู่อาศัยพอมีระดับน้ำที่สูงขึ้น ก็จะท่วมใต้ถุน บ้านประชาชนที่ปลูกบ้านพื้นใต้ถุนสูง ปัจจุบันน้ำก็ท่วมสูงถึงชั้น 2 บางบ้านสูงกว่า 1 เมตร ทางเทศบาลก็พยายามให้ความช่วยเหลือลูกบ้านที่ได้รับความเดือดร้อน ในความเป็นพื้นที่เขตบางระกำโมเดลและนอกเขตบางระกำโมเดล โมเดลทั้ง 2 ฝั่ง ระดับน้ำตอนนี้เท่ากัน เราไม่มีพื้นที่กักเก็บ ระดับน้ำกระจายไปถึงกันหมด ปีนี้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนทั่วถึงกัน หลายพื้นที่ ถนนท่วมหมด สามารถระบายน้ำออกไปได้ประมาณ 500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที แต่สิ่งที่ อ.บางระกำ รับ ในหนึ่งวัน มีน้ำเข้ามา 1,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที นั่นหมายความว่าราษฎรได้รับความเดือดร้อนมากขึ้น เทศบาลบางระกำเมืองใหม่ เป็นทั้งพื้นที่อยู่อาศัยและพื้นที่การเกษตร เริ่มต้นระยะแรกที่มีการเก็บน้ำ ตั้งแต่วันที่ 15 สิงหาคม ตั้งแต่วันแรกของบางระกำโมเดล ตั้งแต่วันแรกของการเก็บเกี่ยวเราได้มีการทำคันดินป้องกัน นำกระสอบทรายป้องกันให้ประชาชนได้เก็บเกี่ยวกับพืชผลการเกษตรได้ทันเวลา ไม่เสียหาย เพราะว่าประชาชนไม่สามารถ รับการช่วยเหลือชดเชยได้ในทุกกรณี หลังจากที่เก็บในหลังวันที่ 15 สิงหาคม แต่ระดับน้ำไม่ได้กักอยู่ เฉพาะในพื้นที่บางระกำโมเดลแต่กลับเพิ่มถึงฝั่งขวานอกพื้นที่เขตบางระกำโมเดล และฝั่งนี้ก็ไม่ได้รับประโยชน์จากการ จัดสรรน้ำตั้งแต่เดือนเมษายน ทำให้ พืชผลทางการเกษตรไม่สามารถเก็บเกี่ยวได้ทัน ทั้งเทศบาลได้ทำการขุดทำคันดิน กั้นน้ำเพื่อให้ประชาชนสามารถเก็บเกี่ยวได้ทันตามเวลา อันนี้เป็นส่วนแรก
ส่วนที่ 2 เป็นเรื่องของการช่วยเหลือบ้านเรือนราษฎรเมื่อระดับน้ำสูงเกิน 45 เมตร รทก. ชาวบ้านเดือนราษฎรได้รับความเสียหายถนนหนทางได้รับความเสียหาย อันนี้ก็เริ่มจากการกรอกกระสอบทราย ในพื้นที่ถนนที่มีการชำรุดพัง ไม่สามารถสัญจรได้ บ้านเรือนราษฎร น้ำท่วม ได้ทำเพิงพักชั่วคราว สามารถให้ประชาชนพักอาศัยได้เป็นการชั่วคราว แต่ขณะเดียวกันระดับน้ำก็ไม่ได้หยุด ได้นำไม้ ไปให้ประชาชน เป็นพื้นสำหรับหนุนนอนและทำครัว หนีน้ำ หลังจากนั้นจะมีทีมเจ้าหน้าที่สาธารณสุข เข้าไปเยี่ยมเยียน โรงพยาบาลบางระกำ นำเวชภัณฑ์ จำเป็นเข้าไปช่วยเหลือ และ เทศบาลบางระกำเมืองใหม่ ได้นำถุงยังชีพเข้าไปแจกจ่าย เป็นข้าวสาร อาหารแห้ง เป็นไข่ ให้ประชาชนได้สามารถใช้ชีวิตต่อไป ในพื้นที่น้ำท่วมได้
นางสนม พุ่มเพ็ง อายุ 75 ปี ชาวบ้านพื้นที่น้ำท่วม โครงการบางระกำโมเดล (บ้านวังกุ่ม หมู่ 15 ต.บางระกำ) บอกว่า ก่อนประสบภัยน้ำท่วม เจ้าหน้าที่ก็จะมีการแจ้งเตือน ว่า วันไหน เดือนไหนน้ำจะท่วมเราก็ค่อยๆเก็บสิ่งของ เพราะรู้ว่าน้ำมาท่วมทุกปี ปีนี้จะเท่าปี 54 น้ำมาเยอะมาก ถนนแทบจะอยู่ไม่ได้ ถ้าน้ำมาเท่าปี 54 ก็แย่เหมือนกัน สำหรับโครงการบางระกำโมเดล ไม่สามารถแก้ไข ไม่ให้น้ำท่วมได้ เพราะว่าน้ำมีปริมาณมาก เข้ามาเต็มพื้นที่หมดเลย ปีนี้ เทศบาลบางระกำเมืองใหม่ มาทำที่อยู่พักอาศัย ให้ไฟ ให้น้ำดื่ม ห้องน้ำ แบบบ้านน็อคดาวน์ ทำให้ได้แค่ 10 หลัง หลังจากน้ำลดก็จะนำกลับไป ปีหน้าก็จะทำให้ใหม่ จะได้อยู่กันได้หลายคน ปีนี้น้ำมาก ด้านล่างก็แย่ด้านบนก็แย่ ขนาดบ้าน 2 ชั้น ยังท่วมถึงขาถึงเอว อยากสะท้อนถึงรัฐบาลอยากให้ช่วยเพียงของใช้ เงินทอง ช่วยอย่างอื่นก็คงไม่ได้เพราะน้ำก็ท่วมทุกพื้นที่
นางพิชญา ดีอินทร์ อายุ 50 ปี บ้านเลขที่ 302/7 หมู่ 15 บ้านวังกุ่ม ต.บางระกำ กล่าวว่า ถ้าถามว่าลำบากไหมลำบากมาก น้ำระดับนี้ลำบากทุกคน ทุกครัวเรือน ทุ่งบางระกำโมเดล คลองปลากรายออกมาก็ยาก น้ำท่วมทุ่งขนาดบ้าน 2 ชั้นตอนนี้ก็ท่วมไปแล้ว 2 ชั้นเกินกว่าสะโพก ไม่อยากให้มีบางระกำโมเดล อยากให้แก้ไขได้มากกว่านี้ รัฐบาลยังไม่มีการช่วยเหลือใดๆ แต่ฟังจากข่าวแล้วนายกกำลังจัดการเรื่องช่วยเหลืออยู่ ก็รออยู่ รัฐบาลยังไม่ได้ช่วยเหลือมีเทศบาล นำถุงยังชีพมาช่วย ถุงพระราชทานจากในหลวงมาช่วย เงินในช่วงในยุคบิ๊กตู่ให้มา 9,000 บาท แต่ 9,000 บาทไม่ได้เพียงพอ นำมาซ่อมแซมบ้าน พื้นบ้านผุ บันไดพัง ปีนี้ต้องเปลี่ยนเสาบ้าน เพราะว่าเสาบ้านผุเนื่องจากว่าแช่น้ำอยู่นาน พื้นที่รับน้ำเดือดร้อนมากๆอยากให้มีการแก้ไขที่ดีกว่านี้
นาย ประสิทธิ์ เม็ดเป้า อายุ 38 ปี บ้านเลขที่ 328/3 บ้านวังกุ่ม หมู่ 15 กล่าวว่า บ้านนี้อยู่ในสภาพน้ำท่วมตลอด ในหนึ่งปี ต้องถูกน้ำท่วมอยู่ประมาณ 2-3 เดือน ปีนี้ระดับน้ำมามาก ความเดือดร้อนไม่ค่อยเดือดร้อน มีเพียงเข้าออกลำบาก น้ำมาเราก็ขนของหนีทัน ปกติก็ท่วมทุกปีมันไม่ชินก็ต้องชิน ทุ่งบางระกำมีน้ำก็มีปลา ไม่อดอาหาร หน่วยงานก็มาช่วยให้ถุงยังชีพ มีของแจกชาวบ้าน อยู่จนเคยชิน ก็อยากได้ของแจกมาบ้างก็เพียงพอแล้ว เราก็อยู่ได้ สบายๆ ไม่ถึงกับทุกข์มาก ทั้งที่ใช้ชีวิตอยู่ในน้ำประมาณ 2-3 เดือนทุกปี
ขอบคุณภาพถ่ายทางอากาศ กองบิน 46 พิษณุโลก
………………