หลายหน่วยงานเร่งตรวจสอบเหตุอุบัติเหตุสลด บนถนนมิตรภาพขาออกเมืองพิษณุโลก หลังรถกระบะ 2 คันพุ่งชนรถจักรยานยนต์ ก่อนเสียหลักชนคนงานก่อสร้างถนน เสียชีวิตรวม 4 ราย บาดเจ็บ 7 ราย รองผู้ว่าฯ นำทีมลงพื้นที่สั่งหาสาเหตุ พร้อมเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ
เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 7 พฤศจิกายน 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลายภาคส่วนสนธิกำลังลงพื้นที่ตรวจสอบจุดเกิดอุบัติเหตุรถยนต์กระบะชนรถจักรยานยนต์และมาพุ่งชนคนงานที่กำลังก่อสร้างถนนบริเวณถนนมิตรภาพขาออกเมืองพิษณุโลก หน้าปั๊มบางจากตำบลสมอแขอำเภอเมืองพิษณุโลกเมื่อเวลาประมาณ 20:00 น.ของวันที่ 6 พ.ย 68 ที่ผ่านมา มีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 1 ราย รวมผู้เสียชีวิตจำนวน 4 รายและบาดเจ็บจำนวน 7 ราย
ล่าสุดเช้านี้ 7 พ.ย 68 เวลา 10.00 น ที่บริเวณจุดก่อสร้างขยายถนนมิตรภาพหน้าปั๊มบางจาก รองผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก ปภ.จังหวัดพิษณุโลก แขวงการทางพิษณุโลก ผกก. สภเมืองพิษณุโลก รวมถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้มาตรวจสอบจุดเกิดเหตุเพื่อตรวจสอบถึงสาเหตุการเกิดอุบัติเหตุใหญ่ครั้งนี้
โดยเช้านี้เพื่อนร่วมงานก่อสร้างถนน ได้มายังจุดเกิดเหตุได้ให้ข้อมูลว่าได้ทำงานก่อสร้างขยายถนนทางหลวงหมายเลข 12 บริเวณนี้มาหลายเดือนแล้วคนงานจุดนี้มีทั้งชาวพิษณุโลกและชาวจังหวัดกำแพงเพชรแต่ช่วงเวลาเกิดเหตุนั้นเหลือโฟร์แมน 2 คนและคนงานปรับหน้าปูน 3 คนส่วนคนงานส่วนใหญ่นั้นเดินทางกลับที่พักแล้ว ซึ่งหลังจากกลับที่พักไม่นานก็มาทราบเหตุรู้สึกเสียใจมากที่มาเกิดเหตุสรุปครั้งนี้
สำหรับรายชื่อผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตมีดังนี้
ผู้รับบาดเจ็บรายที่ 1 นาย นพรัตน์ ทองทับ อายุ 23 ปี รถ น.พยาบาล 07 นำส่ง รพ.กรุงเทพฯ พิษณุโลก / ผู้รับบาดเจ็บรายที่ 2 น.ส นภารัตน์ แก้วทุม อายุ 22 ปี รถ น.พยาบาล 07 นำส่ง รพ.กรุงเทพฯ พิษณุโลก / ผู้รับบาดเจ็บรายที่ 3 น.ส เรณู ปานะ อายุ 41 ปี รถ น.พยาบาล 01 นำส่ง รพ.พุทธชินราช /ผู้รับบาดเจ็บรายที่ 4 นาย วีระพล ซังโห้ อายุ 33 ปี รถ น.พยาบาล 01 นำส่ง รพ.พุทธชินราช /ผู้รับบาดเจ็บรายที่ 5 นาย คมสัน วงค์วิไล อายุ 28 ปี รถ น.พยาบาล 01 นำส่ง รพ.พุทธชินราช /ผู้รับบาดเจ็บรายที่ 6 นาย กิตติพงษ์ จิตรสุวรรณ อายุ 26 ปี รถ BLS 0016 นำส่ง รพ.พิษณุโลก ฮอสพิทอล /และผู้บาดเจ็บรายที่ 7 เป็นเด็ก
ผู้เสียชีวิตรายที่ 1 น.ส สุรีรัตน์ พ่วงโถ อายุ 42 ปี ภูมลำเนา 30/74 ถ.สิงหวัฒน์ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.พิษณุโลก (โดยสารมากับรถกระบะ) รถกู้ชีพ รพ.ค่ายสมเด็จพระนเรศวร ช่วยเหลือนำส่ง รพ.กรุงเทพพิษณุโลก (ก่อนเสียชีวิตในเวลาต่อมา) .
ผู้เสียชีวิตรายที่ 2 นาย คารม ทองขาว อายุ 47 ปี ภูมลำเนา 111 ม.10 ต.สระแก้ว อ.เมือง จ.กำแพงเพชร (คนงานก่อสร้างถนน) เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ
ผู้เสียชีวิตรายที่ 3 นาง กำไล พ่วงโถ อายุ 60 ปี ภูมลำเนา 30/74 ถ.สิงหวัฒน์ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.พิษณุโลก (โดยสารมากับรถกระบะ) เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ
ผู้เสียชีวิตรายที่ 4 (เสียชีวิตเพิ่มที่โรงพยาบาล 7 พ.ย.68) นาย ประเสริฐ ยาสา อายุ 47 ปี รถ กู้ชีพ เบนทูล นำส่ง รพ.พุทธชินราช(เสียชีวิตในเวลาต่อมา)
ด้านนายวีระพล ซังโห้ อายุ 33 ปีชาวจังหวัดสุโขทัยคนงานก่อสร้างในที่เกิดเหตุ เปิดเผยว่า ช่วงเวลาดังกล่าว พวกตนอยู่ด้วยกัน 5 คน มีโฟร์แมนนั่งอยู่หน้ารถ ส่วนตนและเพื่อนคนงานอีก 4 คนกำลังปรับพื้นปูนที่ทำอยู่ริมถนนจากนั้นได้ยินเสียงเบรคมาแต่ไกลและรถก็พุ่งมาใส่อย่างแรงตนโดนชนเข้าบริเวณไหล่และสะโพก เจ้าหน้าที่ได้พาไปรักษาที่โรงพยาบาลเอกซเรย์แล้วไม่มีกระดูกหัก หมอบอกว่ามีกล้ามเนื้ออักเสบ ให้ออกจากโรงพยาบาลได้ จนรู้สึกตกใจมากที่เกิดเหตุการณ์นี้เพราะเกิดเร็วมาก หลบไม่ทันและเสียใจที่เพื่อนร่วมงานเสียชีวิต จากนี้คงต้องพักงานไปหลายวัน
ด้านนายพยูน ศรีกล่ำ อายุ 56 ปี คนงานทั่วไป ได้บอกว่าขณะนั้นเพื่อนๆ ร่วมงานที่ได้รับบาดเจ็บ ได้รอเกลี่ยหน้าปูน เนื่องจากปูนยังไม่เซ็ตตัวดี โดยตนและเพื่อนรวมงานอีกประมาณ 6-7 คนได้เดินทางกลับไปก่อนเกิดเหตุเพียงไม่เกิน 10 นาที และก็เกิดเหตุดังกล่าวขึ้น รู้สึกเสียใจพูดอะไรไม่ออกหลังทราบข่าวเพื่อนร่วมงานเสียชีวิตถึง 2 คน ซึ่งถ้าหากตนและเพื่อนร่วมงานบางส่วนยังไม่กลับไปก่อน คงจะต้องมีคนเจ็บและเสียชีวิตมากกว่านี้
ด้าน น.ส.น้ำฝน ทองขาว อายุ 22 ปี บุตรสาวของนายคารม ทองขาว คนงานก่อสร้างถนนที่ถูกรถชนเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ เช้าวันนี้เดินทางมายังจุดเกิดเหตุ เพื่อรอรับร่างของนายคารม ทองขาว กลับไปเป็นเพ็ญกุศลที่จังหวัดกำแพงเพชร เปิดเผยว่า ช่วงเกิดเหตุตนอยู่ที่บ้านที่จังหวัดกำแพงเพชร มีโทรศัพท์ไปบอกว่า พ่อกับแม่โดนชน ได้รับบาดเจ็บ ตอนนั้นยังไม่ทราบว่าอาการเป็นยังไง ต่อมาก็ทราบว่า พ่อเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ ส่วนแม่นั้นได้รับบาดเจ็บ เจ้าหน้าที่ช่วยเหลือนำส่งโรงพยาบาล ล่าสุดแม่ทราบข่าวการเสียชีวิตของพ่อแล้ว และได้ออกจากโรงพยาบาลกลับบ้านที่ จ.กำแพงเพชร แล้ว เพื่อเตรียมเรื่องการจัดงานศพของพ่อ ตนรู้สึกเสียใจมากเพราะพ่อเป็นเสาหลักของครอบครัว ดูแลตนเองและน้องๆ จากนี้ตนต้องเสียพ่อไปก็ต้องดูแลแม่และน้องๆ ต่อไป
นายบุญเหลือ บารมี รองผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก เป็นประธานประชุมคณะทำงานวิเคราะห์สาเหตุการเกิดอุบัติเหตุใหญ่ เปิดเผยว่าอุบัติเหตุบนถนนมิตรภาพหน้าปั๊มบางจากเมื่อ 6 พ.ย 68 ถือว่าเป็นอุบัติเหตุใหญ่เพราะมีผู้เสียชีวิตถึง 4 ราย วันนี้คณะทำงานวิเคราะห์สาเหตุจึงลงมายังพื้นที่ที่เกิดเหตุเพื่อประชุม วิเคราะห์หาสาเหตุว่าใครถูกผู้ได้รับผลกระทบ และจะได้รับการเยียวยาอย่างไร รถมี พรบ.หรือไม่ วันนี้จะดำเนินการกันให้เบ็ดเสร็จ ซึ่งประกอบด้วยทุกภาคส่วนทั้ง ปภ.ประกันภัย ตำรวจ พมจ. สาธารณสุข เป็นต้น
สำหรับการเยียวยานั้นจะเริ่มต้นจากต้นทางที่ตำรวจโดยผู้กำกับ สภเมืองพิษณุโลก จะเป็นต้นเรื่องให้ดำเนินการสอบสวนด้านอุบัติเหตุว่าใครผิดใครถูกเพื่อจะขยายผลไปสู่การเยียวยา ส่วนผู้เสียชีวิตนั้นโดยเฉพาะบุคคลที่ 3 คนงานก่อสร้างในพื้นที่ จะได้รับการเยียวยาเป็นอันดับแรก จึงจะไปไล่ตรวจสอบทั้ง พรบ.ภาคบังคับและพรบ.ภาคสมัครใจ ผู้เสียชีวิตอาจจะได้เงินเยียวยา ประมาณ1 ล้านบาท ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บจะได้วงเงินการรักษาตัวคนละไม่เกิน 80000 บาท
นอกจากนี้พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ก็จะไปช่วยเหลือดูแลผู้ได้รับผลกระทบการเยียวยารวมถึงดูแลญาติ สาธารณสุขก็จะไปดูแลเรื่องช่วยเหลือเรื่องความเครียด ขณะที่สาเหตุนั้น เบื้องต้นยังไม่สามารถสรุปได้ชัดเจน อาจจะเป็นทั้งเรื่องความเร็ว ความประมาท อยู่ที่การสอบสวนของสภ.เมืองพิษณุโลก อีกครั้ง
ในวันนี้จะนำกล้องวงจรปิดมาตรวจสอบอย่างละเอียดเพื่อใช้พิจารณาในการประกอบด้วย ส่วนความปลอดภัยในไซต์งานก่อสร้างถนนนั้น จากการสอบสวนของแขวงทางหลวงพิษณุโลกที่ 1และ ผู้ประกอบการ ให้การว่ามีการเซฟตี้ในการก่อสร้างอย่างดี มีการตั้งกรวยยาง มีสัญญาณไฟ และมีรถกระบะของผู้ประกอบการก่อสร้างจอดปิดหัว ปิดท้าย ไซต์งานก่อสร้าง เพื่อความปลอดภัยของคนงาน เพราะเป็นการทำงานล่วงเวลาในยามวิกาล
ด้าน พ.ต.อ.วัชรพงษ์ สิทธิรุ่งโรจน์ ผกก.สภ.เมืองพิษณุโลก ตอนนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน ซึ่งเมื่อคืนที่ผ่านมาได้สอบปากคำไปเพียงปากเดียว คือคนขับรถ กระบะ ยี่ห้ออีซูซุ ดีแม็คสีบอร์นเทา ทะเบียน 3ขต 8503 กทม.ที่อยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุไปประมาณ 100 เมตร โดยส่วนคนขับรถกระบะ ยี่ห้ออีซูซุ รุ่นดีแมกซ์ หมายเลขทะเบียน บล 5818 พิษณุโลก ที่มีผู้โดยสารมาทั้งหมด 5 ราย นั้น คนขับยังนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล วันนี้พนักงานสอบสวนจะเข้าไปสอบปากคำที่โรงพยาบาล ส่วนพยานในที่เกิดเหตุก็จัดเจ้าหน้าที่ตำรวจทำการสอบปากคำให้ได้มากที่สุด ส่วนวันนี้ได้ลงพื้นที่มาตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมด้วยหลายภาคส่วนเพื่อนำข้อมูลมาวิเคราะห์อีกครั้ง
โดยข้อมูลเบื้องต้นทราบว่ารถกระบะทั้ง 2 คันนั้น ขับขี่มาด้วยความเร็วทั้งคู่ ส่วนเรื่องจะลงลึกไปกว่านั้น ว่าแข่งกันมาหรือไม่ต้องรอรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดเพื่อนำมาตรวจสอบก่อน ส่วนกรณีคนขับรถกระบะ ยี่ห้ออีซูซุ ดีแม็คสีบอร์นเทา ทะเบียน 3ขต 8503 กทม.ที่อยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุไปประมาณ 100 เมตร นั้นยืนยันว่าในช่วงเวลาเกิดเหตุคนขับได้ลงมาช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บ และทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เชิญตัวไปสอบสวนที่ สภ.เมืองพิษณุโลก เนื่องจากหวั่นว่าจะเกิดเหตุการณ์ชุลมุน ยืนยันว่าคนขับไม่ได้หลบหนีแต่อย่างใด
สรุปเหตุการณ์ในครั้งนี้มีผู้เสียชีวิตทั้งสิ้น 4 ราย(คนในรถกระบะ 2 ราย /คนงาน 2 ราย) ผู้ได้รับบาดเจ็บทั้งสิ้น 7 ราย กลับบ้านแล้ว 5 ราย รักษาตัวอยู่อีก 2 ราย
//////////////////////////
