ไร่องุ่นบางแก้วฝ่ามรสุมรอดน้ำท่วม เปิดขายผลผลิตสร้างรายได้ก่อนปีใหม่

พิษณุโลก  เกษตรกรชาวบางระกำ จังหวัดพิษณุโลก ผันผืนนา 12 ไร่ สู่ไร่องุ่นเชิงผสมผสาน หลังเผชิญปัญหาน้ำท่วมซ้ำซากหลายปี ก่อนตัดสินใจปรับพื้นที่ทำคันดินล้อมรอบสวน จนสามารถรอดพ้นอุทกภัยและเปิดจำหน่ายผลผลิตองุ่นคุณภาพ สร้างรายได้ให้ครอบครัว พร้อมเปิดสวนให้นักท่องเที่ยวเข้าชมและเก็บองุ่นสดจากต้น

วันที่ 16 ธันวาคม 2568 ที่ไร่องุ่นบางแก้ว หมู่ 3 บ้านบางแก้ว ตำบลท่านางงาม อำเภอบางระกำ จังหวัดพิษณุโลก นายบุญส่ง ด้วงนุช อายุ 56 ปี เจ้าของไร่องุ่นบางแก้ว เกษตรกรชาวนาที่ปรับเปลี่ยนอาชีพจากการทำนามาปลูกองุ่นเพื่อสร้างรายได้เสริม ได้พาผู้สื่อข่าวเดินชมไร่องุ่น และพุทรากางมุ้งที่ปลูกไว้บนพื้นที่ 12 ไร่ โดย เปิดเผยว่า เดิมพื้นที่ทั้ง 12 ไร่ ตั้งอยู่ในโครงการบางระกำโมเดล ประสบปัญหาน้ำท่วมยาวนานกว่า 3 เดือนเป็นประจำทุกปี โดยเฉพาะในอดีตเคยถูกน้ำท่วมสูงกว่า 1 เมตรและแช่นานถึง 2–3 เดือน ทำให้การทำนาประสบปัญหาอย่างต่อเนื่อง

นายบุญส่งฯ เล่าว่า หลังซื้อต่อพื้นที่ดังกล่าวมาตั้งแต่ประมาณปี 2550 และทำการทำนามาระยะหนึ่ง พบว่าพื้นที่มีลักษณะดอนในที่ลุ่ม หน้าแล้งขาดแคลนน้ำ ขณะที่ฤดูน้ำหลากกลับถูกน้ำท่วมหนัก กระทั่งหลังเหตุอุทกภัยใหญ่ปี 2554 จึงตัดสินใจปรับพื้นที่จากนาข้าวเป็นสวนองุ่นแบบผสมผสาน ปลูกผลไม้หลากหลายชนิดในลักษณะอินทรีย์ พร้อมขุดคันดินล้อมรอบพื้นที่ทั้ง 12 ไร่ โดยยกระดับให้สูงกว่ารอยน้ำท่วมใหญ่ปี 2554 ผลปรากฏว่านับจากนั้นน้ำไม่เคยท่วมสวนอีกเลย แม้ในปีนี้จะมีปริมาณน้ำมาก แต่ระดับน้ำยังต่ำกว่าปี 2554 ถึง 16 เซนติเมตร ทำให้สวนองุ่นยังคงปลอดภัย

สำหรับการปลูกองุ่น นายบุญส่งเริ่มจากพันธุ์ไวท์มะละกา และพันธุ์แบล็คโอปอล ก่อนจะปรับเปลี่ยนมาปลูกองุ่นพันธุ์แรมโบ องุ่นสีดำจากประเทศยูเครน รสชาติหวานกรอบ แม้ยังมีเมล็ดอยู่ ซึ่งถือเป็นข้อจำกัดด้านความนิยมของตลาด จึงมีแผนจะเปลี่ยนไปปลูกพันธุ์เอส 48 แบบไร้เมล็ดในอนาคต เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภค ปัจจุบันใช้พื้นที่ปลูกองุ่นประมาณ 4 ไร่ มีหลายสายพันธุ์ เช่น แรมโบ และไซมัสของญี่ปุ่น พร้อมแบ่งพื้นที่พุทธาอีก 2 งาน และขุดสระเก็บน้ำประมาณ 2 ไร่ สำหรับกักเก็บน้ำไว้ใช้ในฤดูแล้ง

ผลผลิตองุ่นในปีนี้คาดว่าจะเก็บเกี่ยวได้หมดก่อนช่วงปีใหม่ และจะมีผลผลิตชุดถัดไปในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ โดยองุ่นพันธุ์แรมโบจำหน่ายในราคากิโลกรัมละ 120 บาท เปิดสวนให้ลูกค้าเข้ามาเลือกตัดเองได้ หรือให้ทางสวนตัดให้ พร้อมอนุญาตให้ชิมในสวนได้ เนื่องจากมีการเว้นระยะการใช้สารเคมีนานเป็นเดือน เพื่อคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้บริโภค

อย่างไรก็ตาม ปีนี้ยังต้องเผชิญกับปัญหาสภาพอากาศ เนื่องจากฝนตกชุกยาวนานผิดปกติ จากเดิมที่ฝนจะหมดในช่วงเดือนตุลาคม ซึ่งเป็นช่วงก่อนผลองุ่นติดลูก แต่ปีนี้ฝนยาวต่อเนื่องถึงเดือนพฤศจิกายน–ธันวาคม ส่งผลให้ผลองุ่นที่ใกล้เก็บเกี่ยว โดยเฉพาะพันธุ์ไซมัสคัสที่ปลูกเป็นปีแรก ได้รับความเสียหายทั้งหมด

ในส่วนของการปลูกพุทธา นายบุญส่งทดลองปลูกมาแล้วประมาณ 3 ปี มี 2–3 พันธุ์ เช่น พันธุ์น้ำอ้อยเบอร์ 12 แต่ยังไม่ประสบผลสำเร็จเท่าที่ควร ปัญหาหลักอยู่ที่เรื่องผิวผล แม้จะปลูกในลักษณะกางมุ้งเป็นโรงเรือนแบบง่าย ๆ ซึ่งยังไม่ได้มาตรฐานเหมือนการปลูกองุ่น

นายบุญส่งกล่าวเพิ่มเติมว่า จากนี้ไปมีแผนทดลองปลูกองุ่นให้สามารถเก็บเกี่ยวได้ตลอดทั้งปี โดยจะเน้นพันธุ์ไร้เมล็ดเป็นหลัก เพื่อเพิ่มมูลค่าและตอบโจทย์ตลาดปัจจุบัน พร้อมเปิดสวนเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรให้ประชาชนเข้ามาศึกษาและเลือกซื้อผลผลิตสดจากสวน

สำหรับผู้ที่สนใจเข้าชมไร่องุ่นบางแก้วหรืออุดหนุนผลผลิต สามารถเดินทางจากตัวเมืองพิษณุโลกเพียงประมาณ 20 กิโลเมตร หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 093-2307111

////////////////

 

แสดงความคิดเห็น