ทหาร 18 นายใกล้ชิดกรรมการมวยไม่พบเชื้อโควิด-19 กักตัวเองต่อให้ครบ 14 วัน

เวลา 10.00 น. วันที่ 22 มีนาคม 2563 ที่อาคารวงศ์วานิช กองบัญชาการช่วยรบที่ 3 ( บชร. 3 ) ค่ายสมเด็จพระเอกาทศรถ อ.เมือง จ.พิษณุโลก กองทัพภาคที่  3 ได้จัดแถลงข่าวสื่อมวลชน กรณี มีนายทหารสัญญาบัตร สังกัด กองพันทหารขนส่งที่ 23 กองบัญชาการช่วยรบที่ 3 ที่เป็นกรรมการมวยเวทีลุมพินี ติดเชื้อโคโรนาไวรัส 2019  COVID -19 และนายทหารคนดังกล่าวได้เดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัวมาที่กองบัญชาการช่วยรบที่ 3 และใกล้ชิดกับเพื่อนทหารในค่ายรวม 18 นาย จนนำมาสู่การคัดกรอง กักตัว และส่งตรวจหาเชื้อทหารทั้ง 18 นาย ผลตรวจออกมาแล้วว่า  นายทหารทั้ง 18 นาย ที่ใกล้ชิดกับกรรมการมวยเวทีลุมพินี  ไม่พบเชื้อโควิด-19  การแถลงข่าวประกอบด้วย  พลตรีกิตติพงษ์  แจ่มสุวรรณ  ผบ.บชร. 3 พันเอกรุ่งคุณ  มหาปัญญาวงศ์   โฆษกกองทัพภาคที่ 3  พันเอกนพ.วิโรจน์  ชนม์สูงเนิน โรงพยาบาลค่ายสมเด็จพระนเรศวรมหาราช และ นพ.รัฐภูมิ  ชามพูนท รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดพิษณุโลก    

สำหรับไทม์ไลน์ของการตรวจโควิด-19 ในค่ายสมเด็จพระเอการทศรถ จ.พิษณุโลก   เริ่มจาก นายทหารสัญญาบัตรดังกล่าว ได้ร่วมเป็นกรรมการตัดสิน กีฬาชกมวย ณ สนามมวยลุมพินี กรุงเทพมหานคร ในวันที่ 6 มีนาคม 2563 โดยพื้นที่ดังกล่าวเป็นที่ที่มีการระบาดและมีผู้ป่วยยืนยันโรคติดเชื้อโคโรนาไวรัส 2019 หรือ COVID -19 เป็นกลุ่มก้อน และได้เดินทางกลับมาในพื้นที่จังหวัดพิษณุโลก เพื่อเตรียมการทำเรื่องปรับย้ายไปยังหน่วยทหารแห่งใหม่ ในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2563 ได้ทำการจัดงานเลี้ยงสังสรรค์ก่อนการปรับย้าย ในช่วงเย็นของวันที่ 11 และ 12 มีนาคม 2563   โดยมีเพื่อนร่วมงานมาร่วมในงานเลี้ยงดังกล่า

นายทหารสัญญาบัตรดังกล่าว ได้เดินทางกลับกรุงเทพมหานคร ในวันที่ 13 มีนาคม 2563 เวลาประมาณ 10.00 น. และได้พบว่าเริ่มมีอาการผิดปกติ ในวันที่ 18 มีนาคม 2563 โดยมีอาการครั่นเนื้อครั่นตัวคล้ายเป็นไข้ ไอ เจ็บคอ ถ่ายเหลว จึงได้ไปตรวจหาเชื้อโคโรนาไวรัส ในวันที่ 19 มีนาคม 2563 ณ โรงพยาบาลบำราศนราดูร อำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี ซึ่งได้แจ้งผลตรวจทางห้องปฏิบัติการ เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2563 เวลา 16.00 น. ว่ากำลังพลดังกล่าว มีผลยืนยันติดเชื้อโคโรนาไวรัส 2019 หรือ COVID -19 และได้รับการเข้าพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลบำราศนราดูล เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2563 เป็นต้นมา

พลตรีกิตติพงษ์  แจ่มสุวรรณ  ผบ.บชร. 3 เผยต่อว่า หลังจากทราบข่าวในวันเดียวกัน กองทัพภาคที่ 3, กองบัญชาการช่วยรบที่ 3, โรงพยาบาลค่ายสมเด็จพระนเรศวรมหาราช, สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดพิษณุโลก และชุดเวชกรรมป้องกัน กองพันทหารเสนารักษ์ที่ 23 กองบัญชาการช่วยรบที่ 3 จึงได้ดำเนินการลงพื้นที่คัดกรองประเมินกลุ่มเสี่ยงกำลังพลในหน่วย รวมทั้งทำการสอบสวนโรค  เพื่อหากลุ่มเสี่ยงที่สัมผัสผู้ป่วยในทันที เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2563 เวลา 16.30 น. โดยพบว่ากลุ่มเสี่ยงสูงเป็นกลุ่มที่ได้ร่วมงานเลี้ยงสังสรรค์และสัมผัสมือ จำนวนทั้งสิ้น 18 นาย โดยได้มีมาตรการในการดำเนินการกักบริเวณ เพื่อควบคุมป้องกันโรคกับกำลังพลดังกล่าว รวมถึงครอบครัวที่บ้านพักอีกจำนวน 6 วัน จึงจะครบจำนวน 14 วัน หลังจากที่ได้สัมผัสโรคครั้งสุดท้าย เก็บสิ่งส่งตรวจ จากกำลังพลดังกล่าว เพื่อตรวจหาเชื้อโคโรนาไวรัส 2019 วัดไข้และตรวจร่างกายในเบื้องต้น พบว่ากำลังพลทั้งหมดไม่มีไข้ มีเพียงแต่อาการเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจเพียงเล็กน้อย จำนวน 5 นาย จัดตั้งกลุ่มไลน์ ในกลุ่มผู้ต้องสงสัยเข้าข่ายใกล้ชิดสัมผัส ติดตามการวัดไข้ และอาการแสดง   เข้าข่ายสงสัยติดเชื้อโคโรนาไวรัส 2019 โดยให้ผู้เข้าข่ายสงสัยสัมผัสใกล้ชิดรายงานการปฏิบัติเป็นประจำทุกวัน ทำความสะอาดหน่วย ด้วยการใช้น้ำยาฆ่าเชื้อ (ไฮเตอร์) ผสมน้ำ ในอัตรา 1 : 9 ทำความสะอาดบริเวณทุกพื้นที่ให้สุขศึกษากับหน่วยเกี่ยวกับอาการแสดงของโรค แนวทางการป้องกันควบคุมโรค รวมถึงแนวทางการทำความสะอาด เพื่อลดการแพร่กระจายของเชื้อ และ เมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2563 เวลา 23.00 น. ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ 2 พิษณุโลก กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ได้แจ้งผลการตรวจกำลังพลกลุ่มเสี่ยงที่ต้องเฝ้าระวัง 18 นาย ผลไม่พบเชื้อ  ทั้ง 18 นาย แต่ยังคงใช้มาตรการให้กักอยู่ที่บ้าน การป้องกันโรคส่วนบุคคลและดูอาการผิดปกติต่อจนครบ 14 วัน ในวันที่ 27 มีนาคม 2563 และจะทำการซักประวัติ ครอบครัวของกำลังพบทั้ง 18 นายด้วย

นายแพทย์รัฐภูมิ  ชามพูนท รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดพิษณุโลก รายงานสถานการณ์โรคโควิด 19 ของจังหวัดพิษณุโลก ว่า ผู้ป่วยที่เข้าเกณฑ์การสอบสวนโลกทั้งหมด 69 ราย ซึ่งผลตรวจไม่พบเชื้อ 69 ราย ผู้ที่อยู่ระหว่างกักกันและคุมไว้สังเกตอาการเฝ้าระวังทั้งหมด 234 ราย พ้นระยะการเฝ้าระวัง 146 รายอยู่ระหว่างการเฝ้าระวัง 88 ราย ในการดำเนินการเฝ้าระวังและเตรียมความพร้อมของจังหวัดพิษณุโลกถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดีมาก ขอให้ประชาชนสบายใจได้ พิษณุโลกมีทั้งโรงพยาบาลศูนย์คือโรงพยาบาลพุทธชินราช มีโรงพยาบาลค่ายสมเด็จพระนเรศวรมหาราช และโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยนเรศวร รวมถึงมีศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ 2 พิษณุโลก ที่สามารถตรวจเชื้อได้อย่างรวดเร็ว  ข้อสำคัญคือ ประชาชนต้องให้ความร่วมมือในการดูแลตนเอง ไม่จำเป็นอย่างเข้าไปอยู่ในกลุ่มชุมชนมาก ๆ ล้างมือบ่อย ๆ สวมหน้ากากอนามัยทุกครั้งเมื่อออกไปข้างนอก เพราะสถานการณ์ขณะนี้ แม้จังหวัดพิษณุโลกจะยังไม่พบผู้ติดเชื้อ แต่ต้องช่วยกันระวัง เพราะเชื้อมองไม่เห็น ถ้าเราสวมหน้ากากอนามัยเมื่อไอจาม ก็จะไม่แพร่ให้ผู้อื่น และโอกาสที่จะรับเชื้อจากผู้อื่นก็น้อยลงด้วย 

…………………………………….

 

แสดงความคิดเห็น