ระดมฉีดพ่นละอองน้ำ แก้ปัญหาฝุ่นละออง pm2.5 เกินมาตรฐาน

เมื่อเวลา 14.00 น.วันที่ 25 มกราคม 2564 ที่ถนนวังจันทร์ บริเวณใกล้เคียงสถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศ ตั้งอยู่ที่บริเวณสวนชมน่าน ฝั่งวังจันทน์ หน้าวิทยาลัยอาชีวศึกษาพิษณุโลก ต.ในเมือง อ.เมือง จ.พิษณุโลก กองทัพภาคที่ 3 ร่วมกับ จังหวัดพิษณุโลก ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 9 ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มณฑลทหารบกที่ 39 ระดมกำลัง แก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 พร้อมด้วยชุดยานยนต์ดับเพลิงฉีดหมอกน้ำ/โฟม หรือ LUF  ด้วยระบบควบคุมระยะไกล รถน้ำ ทำการฉีดพ่น ล้างพื้น บริเวณริมแม่น้ำน่าน หลังจากในพื้นที่ จ.พิษณุโลก โดยสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดพิษณุโลก ได้ติดตรวจพบว่าคุณภาพอากาศในพื้นที่ จ.พิษณุโลก มีค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM.2.5 เกินมาตรฐาน 16 วัน จากจำนวนที่ตรวจนับ 56 วัน ตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค.63-25 ม.ค.64 ซึ่งอยู่ในระดับเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาประชาชนทั่วไป เช่น เริ่มมีอาการไอ หายใจลำบาก ระคายเคืองตา จึงมีประกาศลดระยะเวลาการทำกิจกรรมการแจ้ง หรือใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเอง

จากข้อมูลพบว่าในพื้นที่จังหวัดพิษณุโลก มีจุดความร้อนสะสมจากดาวเทียมระบบ VIRs ระหว่างวันที่ 1 ธ.ค.63-25 ม.ค. 64 ส่วนใหญ่พบในพื้นที่เกษตร จำนวน 476 จัด รองลงมา คือ พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ 138 จุด พื้นที่ป่าอนุรักษ์ 105 จุด พื้นที่ชุมชนและอื่นๆ 64 จุด พื้นที่เขต สปก.34 จุด ลื้นที่ริมทางหลวงระยะ 50 เมตร 15 จุด รวมทั้งสิ้น 832 จุด โดยจะพบจุดความร้อนสะสมมากที่สุดในพื้นที่ อ.พรหมพิราม อ.วัดโบสถ์ และ อ.เมืองพิษณุโลก และรายงานคุณภาพอากาศให้กับผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลกรายวัน

ล่าสุดนายรณชัย จิตรวิเศษ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก ได้สั่งการให้สำนักงานเกษตรจังหวัดพิษณุโลก เร่งดำเนินการแก้ไข ควบคุมและบังคับใช้กฏหมายให้เป็นไปตามประกาศจังหวัดพิษณุโลก พร้อมประชาสัมพันธ์ผ่านช่องทางออนไลน์ทุกช่องทาง และสื่อต่างๆ ในจังหวัดพิษณุโลกให้ดำเนินมาตรการเพื่อป้องกันและควบคุมสถานการณ์โดยแจ้งทุกภาคส่วนดำเนินการตามประกาศจังหวัดพิษณุโลก ลงวันที่ 21 ธันวาคม 2563 ซึ่งกำหนดช่วงเวลาห้ามเผาเด็ดขาด ระหว่างวันที่ 1 มกราคม 2564-30 เมษายน 2564 รวมเวลา 120 วัน โดยเคร่งครัด ควบคู่กับมาตรการบริหารจัดการเชื้อเพลิงในรูปแบบ  “ชิงเก็บ ลดเผา” โดยส่งเสริมการนำเศษวัสดุเชื้อผลิตมาใช้ประโยชน์และสร้างมูลค่าในชุมชน เช่น ทำปุ๋ยหมัก ควบคู่กับการทำแนวกันไฟ การสร้างเครือข่ายความรวมมือภาคประชาชน และการประชาสัมพันธ์สร้างความตระหนักรู้และปรับเปลี่ยนพฤติกรรม

/////////////////////////

แสดงความคิดเห็น