เมื่อวันที่ 30 ก.ค.64 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่า มีลุงวัย70 กว่าปี พักอาศัยอยู่ในเพิงสังกะสีเพียงลำพังคนเดียว และไร้ไฟฟ้าส่องแสงสว่าง มีร้านค้าและหลานให้ข้าวปลาประทังชีวิตมานานนับ 10 ปี โดยพื้นที่ดังกล่าวเป็นที่ดินของกรมเจ้าท่า ไม่สามารถปลูกสร้างอาคารถาวรได้ จึงอยู่ได้เพียงชั่วคราวเท่านั้น ยังไม่มีหน่วยงานใดเข้าไปดูแลช่วยเหลือ ทราบชื่อนายสมาน ขำหรุ่น อายุ 77 ปี ตามทะเบียนอยู่บ้านเลขที่ 73 ม.1 ต.หัวรอ อ.เมือง จ.พิษณุโลก
โดยสภาพที่พักอาศัยเป็นลักษณะเพิงตีแปะด้วยสังกะสี รอบ 4 ด้าน พื้นยกสูงประมาณ 1เมตร มีแผ่นไม้ปูพื้นสภาพบางแผ่นเริ่มผุแล้ว ตัวเพิงพักไม่มีประตูเปิดปิด แต่เปิดเป็นช่องโล่งทางขึ้นลงบันไดเอาไว้ ภายในมีเพียงมุง และผ้าห่มเก่าๆปูเป็นที่นอน ไม่มีอุปกรณ์ทำครัวหรือทำอาหาร ไม่มีอุปกรณ์ใช้ไฟฟ้าแม้แต่ชิ้นเดียว เนื่องจากที่เพิงพักไม่มีไฟฟ้าใช้ แต่อาศัยจากจุดใกล้เคียง ที่สาดแสงสว่างในยามค่ำคืน ส่วนหลังที่มุงด้วยสังกะสี มีรูรั่วมองเห็นแสงทะลุลงมาด้านล่าง บางรูมีการนำเอาพลาสติกไปอุดเอาไว้ เพื่อกันน้ำฝนหยดลงมาใส่ยามหลับนอน
วันเดียวกัน พล.ต.ทวีศักดิ์ วงศ์ทวีทรัพย์ ผู้บัญชาการกองพลพัฒนาที่ 3 ได้รับทราบข้อมูล จึงได้ประสานผู้ใหญ่บ้าน พร้อมร่วมกับผู้บริหารของบริษัทมาดามฟิน จำกัด นำสิ่งของข้าวสารอาหารแห้งไปบริจาคช่วยเหลือเบื้องต้น สร้างความยินดีให้กับลุงสมานเป็นอย่างมาก โดยทางลุงสมานได้กล่าวขอบคุณผู้ที่มาช่วยเหลือในครั้งนี้ ด้วยความตื้นตันใจ
ผู้บัญชาการกองพลพัฒนาที่ 3 กล่าวว่า ทันทีที่รับทราบข้อมูล จึงได้ลงพื้นที่พร้อมทหารจิตอาสาเพื่อประชาชน ที่จะให้การช่วยเหลือผู้ที่ด้วยโอการและฐานะยากจน โดยประสานภาคเอกชนมาร่วมบริจาคสิ่งของต่างๆให้กับลุงสมาน นอกจากนั้น ตนได้สั่งการให้ทหารช่างมาดำเนินการปรับปรุงแก้ไขที่พักอาศัย เพื่อให้มีสภาพที่อยู่ดีกว่าเดิม ซึ่งจะมีการเปลี่ยนสังกะสีเก่าออกทั้งหมด พร้อมสร้างห้องน้ำเพิ่มให้อีก พร้อมจัดระบบไฟฟ้าให้ความสว่างให้กับที่พัก แต่จะไม่สร้างที่พักถาวร เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวสอบถามจากผู้ใหญ่บ้าน ทราบว่าเป็นพื้นที่ของกรมเจ้าท่า จึงไม่สามารถสร้างถาวรได้ เพียงแค่ปรับปรุงให้ดีกว่าเดิม เพื่อที่จะให้ลุงสมานพักอาศัยอยู่ได้เท่านั้น
จากการสอบถาม ผู้ใหญ่บ้าน ม.1 ทราบว่า แต่ก่อนลุงสมานเคย มีบ้านเป็นของตนเอง แต่เป็นที่จับจองสิทธิ์ของกรมเจ้าท่า โดยอาศัยบริเวณนี้มานานทั้งชีวิต ภายหลังภรรยาและลูกได้แยกไปอยู่ที่อื่นกันหมด ทำให้ลุงสมานต้องเพียงลำพังคนเดียว ต่อมามีญาติของลุงสมานขอมาอยู่ด้วย มีปรับปรุงบ้านลุงสมานสร้างโรงงานหล่อและขัดพระ เป็นสร้างอาคารแบบถาวรและรุกล้ำลำน้ำน่าน ทางกรมเจ้าท่าจึงสั่งให้ทุบรื้อออกทั้งหมด ทำให้ตัวบ้านหลังเดิมของลุงสมานถูกรื้อไปด้วย และลุงสมานก็ไม่สามารถสร้างบ้านหลังใหม่ได้อีก สุดท้ายต้องมาเพิงพักอาศัยแบบนี้มานานเป็น 10 ปี ส่วนเรื่องอาหารการกิน มีร้านค้าที่อยู่ใกล้ๆจะนำข้าวมาส่งให้ทุกเช้า และไม่ได้คิดเงินแต่อย่างใด ส่วนตอนเย็นจะมีหลานสาวที่อยู่ไม่ไกลเอาข้าวปลาอาหารมื้อเย็นมาส่งทุกวันเช่นกัน