พิษณุโลก สถานการณ์ค่าฝุ่น PM 2.5 ยังสูงต่อเนื่อง เมื่อมองจากมุมสูงจะเห็นคล้ายหมอกปกคลุมทั่วทั้งเมือง ติดต่อกันเป็นวันที่ 4 ประชาชนที่มาจับจ่ายตลาดนัดเกษ๖รต่างสวมใส่หน้ากากอนามัยป้องกัน ขณะที่นายอำเภอวังทองลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ไฟป่าในพื้นที่เทือกเขากระยาง
วันที่ 3 มีนาคม 2566 สถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 จังหวัดพิษณุโลกอยู่ในเกณฑ์วิกฤติแดงส่งผลกระทบต่อสุขภาพมา 4 วันแล้ว เช้านี้ที่ตลาดนัดเกษตรกร หน้าที่ว่าการอำเภอเมืองพิษณุโลก ตลาดนัดทุกวันศุกร์ที่เกษตรกรนำสินค้าและอาหารมาขาย ประชาชนชาวพิษณุโลกจำนวนมากได้มาเลื้อกซื้ออาหาร ผัก ผลไม้ แทบทุกคนต่างสวมใส่หน้ากากอนามัย ทั้งป้องกันฝุ่นและเป็นความเคยชินต่อเนื่องมาจากป้องกันโควิด-19 ส่วนมากจะเป็นหน้ากากอนามัยแบบทั่วไปและหน้ากากผ้า
วันนี้ กรมควบคุมมลพิษรายงานสถานการณ์การตรวจวัดคุณภาพอากาศในพื้นที่ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.พิษณุโลก พบว่าปริมาณฝุ่นละออง ขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM2.5) มีค่า 176 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (µg/m3) อยู่ในเกณฑ์มีผลกระทบต่อสุขภาพ นอกจากนี้ยังพบปริมาณฝุ่นละออง ขนาดไม่เกิน 10 ไมครอน (PM10) มีค่า 255 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (µg/m3) อยู่ในเกณฑ์มีผลกระทบต่อสุขภาพ ซึ่งลดลงจากเมื่อวานเล็กน้อย นับเป็นวันที่ 4 ที่สภาพอากาศเป็นแบบนี้ทำให้ทัศนวิสัยค่อนข้างไม่ดี เมื่อมองจากมุมสูงจะเห็นคล้ายหมอกปกคลุมทั่วทั้งเมืองแต่ที่จริงเป็นฝุ่น ดังนั้นคุณภาพอากาศที่มีผลกระทบต่อสุขภาพ ประชาชนทั่วไป และกลุ่มเสี่ยงทางจังหวัดพิษณุโลกจึงได้แจ้งเตือนควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้งทุกประเภท หลีกเลี่ยงพื้นที่ที่มีมลพิษทางอากาศสูง หรือใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเองหากมีความจำเป็น หากมีอาการทางสุขภาพรุนแรงควรปรึกษาแพทย์
ในส่วนพื้นที่เทือกเขากระยาง เขตพื้นที่ ตำบลแก่งโสภา อำเภอวังทอง จังหวัดพิษณุโลก ทางอำเภอวังทอง โดยการนำของ นายสมพงษ์ หอมสนิท นายอำเภอวังทอง ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ไฟป่าในพื้นที่เทือกเขากระยาง บ้านโป่งปะ หมู่ที่ 10 บ้านห้วยพลู หมู่ที่ 3 และบ้านทรัพย์เจริญ หมู่ที่ 8 ตำบลแก่งโสภา พร้อมเจ้าหน้าที่ควบคุมไฟป่าฯ หน่วย พล.8 (น้ำยาง) หน่วย พล.7 (บ้านแยง) ศูนย์ส่งเสริมการควบคุมไฟป่าพิษณุโลก หน่วยภูแดงร้อน และกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน พร้อมชาวบ้าน ร่วมดำเนินการเข้าดับไฟป่าโดยตรง และทำแนวกันไฟ เพื่อควบคุมไฟดังกล่าว ซึ่งพบว่าในช่วงตั้งแต่กลางเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาในพื้นที่อำเภอวังทองที่เป็นเขาและป่าไม้เกิดไฟป่าบ่อยครั้งทางเจ้าหน้าที่ต้องร่วมกับชาวบ้านช่วยกันดับไฟป่าและทำปนวกันไฟ สาเหตุส่วนหนึ่งมาจากการเผาเพื่อหาของป่า อย่างไรก็จะเร่งประชาสัมพันธ์ขอความร่วมมือ และหากพบคนกระทำความผิดก็จะดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
