หนุ่มช่างแอร์ ทำฟาร์มเลี้ยงกุ้งก้ามกรามและปูทะเลในบ้านพักขายรายได้ดี

พิษณุโลก  หนุ่มช่างแอร์ ทำธุรกิจมานาน 14 ปี เจอปัญหาต้นทุนของแพง คู่แข่งตัดราคา จึงเบนเข็มหันไปศึกษาการเลี้ยงกุ้งก้ามกราม และปูดำ ที่เป็นปูทะเล เลี้ยงแบบออร์แกรนนิค ทำบ่อย 1 งาน  ปรากฏมีกระแสตอบรับจากลูกค้าดีเกินคาด มีการสั่งจองไว้ล่วงหน้า ทำให้มีรายได้จากการขาย เฉลี่ยเดือนละประมาณ 3 หมื่นบาท

วันที่ 27 ตุลาคม 66 ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่ เกษตรข้างบ้านเลี้ยงกุ้งแม่น้ำในบ่อผ้าใบ ตั้งอยู่บ้านเลขที่ 267/1 หมู่ 1  ต.วังน้ำคู้  อ.เมือง จ.พิษณุโลก ได้พบกับ นายธนกฤต พลอยงาม หรือ โอม อายุ 37 ปี  เจ้าของธุรกิจเกษตรข้างบ้าน เลี้ยงกุ้งแม่น้ำในบ่อผ้าใบ  เป็นการทำธุรกิจเกษตรยุคใหม่ เลี้ยงกุ้งแม่น้ำออแกนิค เลี้ยงปูทะเลออแกนิค โดยคุณธนกฤต กำลังต้อนรับลูกค้าพร้อมพาเยี่ยมชมบ่อกุ้งบ่อปู  ซึ่งปัจจุบันมี 6 บ่อ แบ่งเป็น บ่อปูดำ  2 บ่อ บ่อกุ้งก้ามกราม 3 บ่อ และบ่ออนุบาลลูกกุ้ง 1 บ่อ เนื้อที่รวมบริเวณบ้าน 120 ตารางวา

นายธนกฤต พลอยงาม เจ้าของธุรกิจเกษตรข้างบ้าน เลี้ยงกุ้งแม่น้ำในบ่อผ้าใบ เล่าว่าตนเรียนจบ ปวส.สาขาไฟฟ้าวิทยาลัยเทคโลยีพัทยา หลังจากเรียนจบไปเป็นลูกจ้างทำงานเช่นนักศึกษาจบใหม่ทั่วไป  จากนั้นได้กลับมาอยู่บ้าน ได้ใช้บ้านเป็นที่ทำงาน เริ่มต้นจากทำร้านรับซ่อมแอร์ มีรายได้หักค่าใช้จ่าย เฉลี่ยเดือนละ 9,000-10,000 บาท ทำมาได้ประมาณ 14 ปี ต้องเลิกกิจการรับซ่อมแอร์ สาเหตุเนื่องจากต้นทุนสินค้าแพงขึ้น ท่อแอร์ น้ำยาแอร์ปรับราคาสูงขึ้นเท่าตัว  ประกอบกับปริมาณงานเท่าเดิมใช้เวลาการทำงานมากขึ้นเลิกงาน 4-5 ทุ่มทุกวัน ประกอบกับมีช่างแอร์เกิดใหม่ เปิดร้านมาตัดราคา ช่วงชิงลูกค้าซึ่งก็เป็นธรรมชาติการแข่งขันของธุรกิจ ทำให้ช่างเก่าเกิดยากงานแทบไม่มี  หลังจากนั้นจึงได้หันมาค้าขายแอร์มือสอง พอขายแอร์มือสองช่วงแรกก็ขายดี ทำได้ 3 เดือน ก็ปรากฏว่ามีร้านลอกเลียนแบบทำเช่นเดียวกันอีกเป็นผลทางด้านธุรกิจ

 

ทำให้ตัวเองตั้งแนวความคิดใหม่ว่า ถ้าจะทำธุรกิจอื่น จะต้องไม่มีใครเลียนแบบได้ ราคาต้องสูง จึงมองหาแล้วพบว่าอยากทำอาชีพเลี้ยงกุ้งก้ามกรามแม่น้ำแบบออแกนิค  จึงได้ศึกษา แล้วก็ทำมาตลอด ส่วนสาเหตุที่เริ่มทำกุ้งก้ามกรามและปูดำนั้นต้องบอกว่า ตนได้ทดลองเลี้ยงกุ้งฝอย ปลาไหล ปลาดุก ปลาหมอ พอเริ่มทำตลาดกลับไม่ได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้า สาเหตุเนื่องจากว่าสินค้าขายแพงกว่าท้องตลาด เนื่องจากขั้นตอนการเลี้ยงของเราเลี้ยงเป็นแบบ organic มีการดูแลความสะอาดของน้ำ มีการใช้ออกซิเจน น้ำวน อาหารแบบออแกนิค ขึ้นตอนการเลี้ยงสะอาดปลอดภัย ปรากฏว่ามีลูกค้าบอกไม่อร่อย เนื้อปลาไม่แน่นเท่ากับปลาธรรมชาติและที่ปลาเลี้ยงในบ่อดิน ที่ปลาได้ว่ายน้ำออกกำลังกายทำให้เบื้อปลาแน่นกว่า

นายธนกฤต กล่าวว่า จากนั้นจึงให้มาศึกษาใหม่ โดยเริ่มต้นจากการเลี้ยงกุ้งก้ามกราม ปรากฏว่าหลังจากทดลองเลี้ยงกุ้งก้ามกราม ให้รสชาติอร่อย เนื้อหวาน เนื้อแน่นกว่า โดยเราเลี้ยงในน้ำจืดน้ำประปา โดยเริ่มขยายจาก 1 บ่อ 2 บ่อ 3 บ่อโดยเลี้ยงในบ่อพลาสติก บ่อผ้าใบ ก่อนที่จะย้ายมาเป็นบ่อปูนในปัจจุบัน หลังจากนั้นมีการพัฒนาทำระบบให้ดีขึ้น  จากกุ้งแม่น้ำ ก็ได้มีการพัฒนาต่อยอด เพราะอยากได้อะไรที่มาเสริมรายได้ กุ้งก้ามกราม เนื่องจากสาเหตุที่กุ้งก้ามกราม มีระยะเวลาในการเลี้ยง 4 เดือน จึงจะได้ผลผลิต ด้วยการดำรงชีวิตจะต้องมีเงินหมุนเวียนเพื่อเสริมรายได้ระหว่างรอกุ้งโตเต็มวัย  จึงได้ทดลองเลี้ยงปูดำเป็นปูทะเล โดยได้ศึกษาทดลองการทำน้ำทะเลเอง โดยลองผิดลองถูกมาหลายครั้ง และก็ขาดทุนกับเรื่องปูไปค่อนข้างมาก เพราะมันยากมาก เนื่องจากถิ่นกำเนิดของปูดำอยู่ภาคใต้และเป็นน้ำทะเล เมื่อต้องย้ายมาอยู่ภาคเหนือ เพื่อให้ปูกินดีอยู่ดีเหมือนเดิมค่อนข้างยากมากกว่า  ในการเลี้ยงก็ลองผิดลองถูกเอง ไม่สามารถทำตามนักวิชาการ หรือเพจการเลี้ยงตาม YouTube ได้  ซึ่งการเลี้ยงปูดำ มีการวัดอยู่ 5 อย่าง และค่าวัดมีรายจ่ายเฉลี่ยอาทิตย์ละ 1,000 กว่าบาท  จึงยกเลิกและหันมาเน้นเรื่องความเค็มอย่างเดียว ค่าความเค็ม 22 ppt  ไม่เกิน 25 ppt โดยปู ที่ผลิตได้ เราขายอยู่ 3 ตัว 500 บาท น้ำหนักขนาดตัวประมาณ 2 ตัว 1 กิโลกรัม

โดยลูกค้ากลุ่มเป้าหมายจะเน้นเป็นกลุ่มลูกค้าประจำ โดยตนได้โพสต์เฟชขายส่วนตัว ปรากฏว่ากุ้งก้ามกรามไม่สามารถขายได้ เพราะว่าคนไม่เข้าใจว่าการเลี้ยงกุ้งออแกนิคเป็นอย่างไร ประกอบกับราคาที่เราขายกิโลกรัมละ 400 บาท1กิโลกรัมมีกุ้ง 18 ตัว ซึ่งแพงกว่าท้องตลาด เมื่อมาโพสต์ขายสินค้าในอร่อยเหาะเจาะสองแคว เริ่มทำให้มีกลุ่มลูกค้าสนใจว่า กุ้งออแกนิคคือกุ้งอะไร จากนั้นกลุ่มลูกค้าก็ตามมาซื้อสินค้าที่บ้าน ทำให้ปัจจุบันสินค้าไม่เพียงพอต่อการขาย

โดยกุ้งที่ตนนำมาเลี้ยงได้เริ่มอนุบาลเองโดยนำพันธุ์มาจากจังหวัดสุพรรณบุรี ตั้งแต่ตัวเล็กๆ 25 สตางค์ โดยการเลี้ยงแต่ละครั้งจะใช้ลูกกุ้งประมาณหมื่นกว่าตัว ส่วนปูซื้อลูกปูมาจากจังหวัดสตูล กิโลกรัมละ 180 บาทมีปูอยู่ 10-12 ตัว ใช้เวลาในการเลี้ยง 4 เดือน โดยเลี้ยงด้วยปลาน้ำจืดให้อาหารวันเว้นวัน โดยการเลี้ยงปู การกินของปูง่ายกว่ากุ้ง โดยให้กินแค่มื้อเดียววันเว้นวัน  ส่วนกุ้งเลี้ยงด้วยอาหารเม็ดและไส้เดือน โดยมีระยะเวลาในการเลี้ยง 4 เดือนเท่ากัน โดยออกไม่พร้อมกันโดยปูออกได้ทุกอาทิตย์ ต้องพูดเป็นอาทิตย์เพราะว่าปูหลังจากลอกคราบเราต้องทิ้งไว้อีก 10 วันเพื่อรอการขายเพราะปูเมื่อลอกคราบตัวปูจะนิ่ม เราต้องรอให้เปลือกข้างนอกแข็งก่อน โดยเมนูที่นิยมคือปูผัดผงกะหรี่และปูนึ่งไปปูนำอร่อยที่ก้ามก้ามปูใหญ่ๆมาก โดยปัจจุบันมีรายได้เฉลี่ยเฉลี่ยเดือนละประมาณ 30,000 บาทหลังจากหักต้นทุนแล้ว แต่ถ้าสามารถขยายการเลี้ยงเพิ่มขึ้น ก็เชื่อว่ารายได้น่าจะเพิ่มขึ้นด้วย

โดยเราเริ่มเลี้ยงกุ้งเริ่มในปี 2018  เวลาประมาณ 5-6 ปีแล้ว ส่วนข้อกังวลที่ว่า น้ำต้องเป็นน้ำเค็ม ต้องปล่อยทิ้งนั้น  บ่อเลี้ยงปูดำน้ำเค็มจะไม่มีการทิ้งหรือปล่อยจากบ่อ  เราจะมีการบำบัดด้วยจุลินทรีย์น้ำเค็มจะอยู่ในบ่อ น้ำเค็มจะออกจากบ่อได้ จะต้องเกิดจากการระเหยออกไปเท่านั้น จะไม่มีการปล่อยหรือทิ้งไปอย่างแน่นอน

ลูกค้าที่สนใจ สามารถติดต่อทางเพจ เกษตรข้างบ้านเลี้ยงกุ้งแม่น้ำในบ่อผ้าใบ หรือ โทรศัพท์ 0890262529

แสดงความคิดเห็น