เปิดยุทธการ “ตัดไฟต้นลม ขบวนการคอลเซ็นเตอร์” ริมชายแดนแม่สอด จ.ตาก – ประเทศเพื่อนบ้าน

จากสถานการณ์ปัจจุบันมีประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากกลโกงของขบวนการคอลเซ็นเตอร์ได้โทรศัพท์เข้า มาหลอกลวงประชาชนซึ่งสร้างความเสียหายมูลค่ากว่าพันห้าร้อยล้านบาทต่อเดือน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จึงมีคำสั่งให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ช่วยกัน กวดขันดูเเล เเละมีมาตรการเชิงรุกปราบปรามอย่างหนัก พล.ต.อ. สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. จึงมีนโยบายให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เร่งดำเนินการเชิงรุกกับขบวนการคอลเซ็นเตอร์ ทั้ง ในด้านการป้องกันปราบปราม และการติดตามตัวมาดำเนินคดี เพื่อไม่ให้สร้างความเดือดร้อนกับประชาชนได้อีก

พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 6 ได้สั่งการชุด ศปอส.ภ.6 พล.ต.ต.สิทธิชัย โล่กันภัย รอง ผบช.ภ.6, พล.ต.ต.เอกรักษ์ ลิ้มสังกาศ รอง ผบช.ภ.6, พล.ต.ต.ณัฐวุฒิ ภาคภูมิ ผบก.สส.ภ.6, พล.ต.ต.ปกปภพ บดีพิทักษ์ ผบก.ภ.จว.ตาก, พ.ต.อ.สารนัย คงเมือง รอง ผบก.สส.ภ.6 และ พ.ต.อ.มนต์ศักดิ์ แก้วอ่อน ผกก.สภ.แม่สอด, พ.ต.อ.อนิวรรตน์ สุรินทวงศ์ ผกก.สืบสวน 3 บก.สส.ภ.6 และพ.ต.อ.ชัชวาล พวงคิด ผกก.สภ.วิเชียรบุรี พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่ตำรวจชุด ศปอส.ภ.6 ให้ดำเนินการร่วมกับ สำนักงาน กสทช. ภาค 3 นำโดย นายมนต์ชัย ณ ลำพูน ผอ. สำนักงาน กสทช. ภ.3 และนายภาณุพงษ์ ชัยศรีทิพย์ ผอ. สำนักงาน กสทช. เขต 31 ให้ดำเนินการเปิดยุทธการ “ตัดไฟต้นลม ขบวนการคอลเซ็นเตอร์”

โดยก่อนหน้าวันเข้าปฏิบัติการชุด ศปอส.ภ.6 ร่วมกับ สำนักงาน กสทช. ภาค 3 ทำการสืบสวน ตรวจสอบ และ ลงพื้นที่บริเวณชายแดนประเทศไทย-ประเทศเพื่อนบ้าน ริมแม่น้ำเมย อ.แม่สอด จ.ตาก พบว่ามีขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และ อาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศหลายราย ได้ลักลอบใช้อาคารพาณิชย์และบ้านเรือน ติดตั้งเสาสัญญาณส่ง สัญญาณอินเตอร์เน็ตไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อใช้สัญญานอินเตอร์เน็ตขับเคลื่อนขบวนการคอลเซ็นเตอร์หลอกลวง โทรเข้ามาหลอกลวงชาวไทย และบ่อนพนันออนไลน์ จนเมื่อวานนี้ (20 มิถุนายน 2565) จึงได้รวบรวมพยานหลักฐาน ยื่นคำร้องต่อศาลจังหวัดแม่สอด อนุมัติหมายค้นจำนวน 3 จุด ในพื้นที่ ต.ท่าสายลวด อ.แม่สอด จ.ตาก ได้แก่

  1. บ้านเลขที่ 241 หมู่ 2 2. วัดคอกช้างเผือก หมู่ 3 และ 3. 394/16 หมู่ 2 ซึ่งจากปฏิบัติการดังกล่าว สามารถจับกุม ผู้ต้องหาเป็นชาวไทย 1 ราย  ไม่มีสัญชาติ  1  ราย  (เชื้อชาติเมียนมาร์)  ทลายจุดเสาส่งสัญญาณอินเตอร์เน็ตที่ส่งไปยัง ประเทศเพื่อนบ้าน เป็นชุดรับส่งสัญญาณวิทยุคมนาคมได้ทั้งสิ้น 6 ชุด พร้อมอุปกรณ์ประกอบ เช่น สายนำสัญญาณ อุปกรณ์เสริม อีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งจะทำการขยายผลไปยังผู้บงการและผู้ที่เกี่ยวข้องต่อไป

ผู้ต้องหาแต่ละรายและผู้ที่เกี่ยวข้องจะต้องถูกดำเนินคดีในความผิดตาม พ.ร.บ.วิทยุคมนาคม พ.ศ.2498 มาตรา 6 ห้ามมิให้ผู้ใด ทำ มี ใช้ นำออก หรือค้าซึ่งเครื่องวิทยุคมนาคม เว้นแต่จะได้รับใบอนุญาตจากเจ้าพนักงาน ผู้ออกใบอนุญาต มีความผิดต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือจำคุกไม่เกินห้าปี หรือทั้งปรับทั้งจำ และ หากตรวจพบว่าเป็นการส่งสัญญาณไปยังประเทศเพื่อนบ้านเพื่อประโยชน์โดยทุจริต      จะเป็นการประกอบกิจการ โทรคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาต มีความผิดตาม พ.ร.บ.การประกอบกิจการโทรคมนาคม พ.ศ.2544 มาตรา 7 ประกอบมาตรา 67 มีโทษสูงสุดจำคุกไม่เกินห้าปี ปรับไม่เกินสิบล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ทั้งนี้จึงได้ขอประชาสัมพันธ์พี่น้องประชาชนว่า อย่าตกเป็นเหยื่อของขบวนการคอลเซ็นเตอร์ หลงโอนเงิน หรือให้ ข้อมูลส่วนตัวกับใครง่ายๆ ต้องตรวจสอบให้ดีก่อน หากมีข้อมูลสงสัยสอบถามได้ที่ สายด่วน บช.สอท. 1441 หรือ ศูนย์ PCT 08 1866 3000 ตลอด 24 ชม. หรือ ผู้เสียหายสามารถแจ้งความออนไลน์ได้ที่ www.thaipoliceonline.com

/////////////////////

ขอบคุณภาพข่าว –  ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ ตำรวจภูธรภาค 6

แสดงความคิดเห็น