สาวใหญ่สูญเงินกว่า 1 ล้าน หลงกลมิจฉาชีพอ้างตัวเป็นกรมบัญชีกลาง

พิษณุโลก  สาวใหญ่สูญเงินก้อนสุดท้ายในชีวิตกว่า 1 ล้านบาท ฝากเตือนเป็นอุทาหรณ์ หลงเชื่อมิจฉาชีพอ้างตัวเป็นกรมบัญชีกลางติดต่อมาว่าเอกสารไม่เรียบร้อย หลังทำเรื่องสามีเสียชีวิตผ่านหน่วยงานต้นสังกัด เพื่อรับเงินบำเหน็จตกทอด สุดท้ายเงินหายไปในพริบตา

เมื่อเวลา 19.00 น.วันที่ 17 ตุลาคม 2566 ผู้สื่อข่าวได้รับเรื่องร้องเรียนจากนางวีณา เนียมสลุด อายุ 56 ปี อยู่บ้านเลขที่ 272/3 ถ.ราชมนู ต.ในเมือง อ.เมือง จ.พิษณุโลก ที่อยู่ในอาการเศร้าสร้อย และเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า วันนี้ต้องสูญเงินไปถึง 1,072,284 บาท ภายในพริบตา หลังจากหลงกลแก๊งมิจฉาชีพ ที่โทรมาอ้างตัวว่าติดต่อจากกรมบัญชีกลาง ที่ได้ทำเรื่องรับเงินบำเหน็จตกทอด จากสามี คือ นายสมเกียรติ เนียมสลุด  อายุ 66 ปี ที่เพิ่งเสียชีวิตไปเมื่อเดือนมิถุนายน 2566 ที่ผ่านมา โดยอ้างว่าเอกสารที่ส่งให้ไปกรอกข้อมูล นั้นถูกตีกลับ เหยื่อหลงกลเพราะคืนนี้(17 ต.ค.66) กำลังจะเดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพื่อไปติดต่อเรื่องเอกสารที่กรมบัญชีกลางพอดี จึงทำตามที่แก๊งมิจฉาชีพบอกไม่เกิน 5 นาที เงินเก็บก้อนสุดท้ายหายวับไปจากบัญชีภายในพริบตา

นางวีณา เนียมสลุด เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า เมื่อช่วงเดือน มีนาคม 2566 ที่ผ่านมา ตนต้องสูญเสียคุณแม่ไป ตนจึงลาออกจากงานเพื่อมาดูแลสามีวัยเกษียณที่ประสบอุบัติเหตุติดเตียง จนสามีของตนเองได้เสียชีวิตไปเมื่อเดือน มิถุนายน 2566 ที่ผ่านมา ตนเองอยู่กับคุณพ่อวัยชรา ตามลำพัง ไม่มีลูก เงินเก็บก้อนสุดท้ายของตนและสามีที่ทิ้งไว้ให้ ถูกแยกเก็บไว้ 3 บัญชี ในชื่อของตน และเมื่อไม่นานมานี้ตนได้ไปทำเรื่องกับหน่วยงานต้นสังกัดของสามี คือ สำนักชลประทานที่ 3 เพื่อทำเรื่องเงินประกันของสามีที่เสียชีวิต เงินบำเหน็จตกทอด เงินฌาปนกิจ และเงินทุนเรือนหุ้น โดยยื่นเอกสารการเสียชีวิตของสามี ผ่านสำนักชลประทานที่ 3 โดยเอกสารจะถูกทำเรื่องส่งไปยังกรมบัญชีกลาง และคืนนี้(17 ต.ค.66) ตนมีกำหนดเดินทางเข้า กทม.เพื่อไปติดต่อเรื่องเอกสารที่กรมบัญชีกลางในวันพรุ่งนี้

แต่จู่ๆวันนี้ช่วงเที่ยง ตนได้รับสายอ้างว่าติดต่อจากรมบัญชีกลาง ที่ตนทำเรื่องไว้ โดยปลายสายระบุข้อมูลส่วนตัวของตนและสามี(ที่เสียชีวิต)ทั้งชื่อ ที่อยู่ เลขบัตรประชาชน ได้อย่างถูกต้องทุกอย่าง ตนจึงไม่ได้เอะใจเรื่องมิจฉาชีพ โดยปลายสายระบุว่า ตนต้องกรอกเอกสารที่ทางกรมบัญชีกลางส่งไปให้ตามบ้านที่อยู่ ก่อนที่จะเดินทางมาที่ กทม.ตนยืนยันว่าไม่มีเอกสารส่งมา ปลายสายจึงบอกว่าเป็นเอกสารสำคัญจำเป็นต้องกรอกแต่สามารถกรอกทางออนไลน์ได้ ให้ตนโหลดแอพมาติดตั้ง โดยกรอกข้อมูลเป็นชื่อ –นามสกุล เลขบัตรประชาชน และให้สแกนใบหน้า พอตนสแกนใบเสร็จ แอพก็เด้งออก สายก็หลุด และมี SMS จากธนาคารว่ามีเงินถูกโอนออกไป 2 บัญชี และอีก 1 บัญชี ที่ตนไม่ได้มีแอพธนาคาร ตนจึงรีบติดต่อ Call Center เพื่ออายัดบัญชี แต่ก็ไม่ทันการณ์ เงินทั้ง 3 บัญชี จำนวน 1,072,284 บาท ถูกโอนออกไปแล้ว จึงรีบไปแจ้งความ ตำรวจตรวจสอบก็พบว่าเงินได้ถูกโอนไปยังบัญชีม้า 2 บัญชี จำนวน 3 ยอดด้วยกัน และกำลังเร่งติดตามหาเจ้าของบัญชีต่อไป

นางวีณา เนียมสลุด ได้บอกต่ออีกว่า ตนดูข่าวเรื่องแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ อยู่ตลอด ก็เห็นคนเตือนภัยกันอยู่ตลอด แต่พอมาวันนี้มาเจอด้วยตัวเอง ตนกลับไม่ได้นึกฉุกใจอะไรเลย เพราะข้อมูลที่มิจฉาชีพมีนั้น เป็นข้อมูลที่ถูกต้อง และตนก็ได้ทำเรื่องกับสำนักชลประทานที่ 3 หน่วยงานต้นสังกัดของสามี และกรมบัญชีกลางจริงๆ แถมรู้ด้วยว่าวันนี้ตนต้องเดินทางเข้า กทม.เพื่อไปติดต่อกรมบัญชีกลางในวันพรุ่งนี้ ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมากจริงๆ วันนี้ไม่คิดเลยว่าตนเองจะต้องมาเป็นเหยื่อที่ออกมาเตือนเป็นอุทาหรณ์ให้กับคนอื่นแทน

////////////////////

แสดงความคิดเห็น