ย้อนรอยภูหินร่องกล้าตอน 7  พคท.ตีฐาน โดยเสือ ภูลมโล

ย้อนรอยภูหินร่องกล้าตอน 7  พคท.ตีฐาน  โดยเสือ   ภูลมโล 5 ส.ค.61

ผมนอนฟังไปและมืออีกข้างคอยรูปคลำปืนเอ็ม 16 ประจำตัวที่วางไว้ข้างขาในเวลานอน จะเป็นอยู่แบบนี้ แรมเดือน แล้วก็เงียบไป จากนั้นทหารในฐานเราก็เริ่มเคยชินและไม่สนใจมากนัก มีอยู่วันหนึ่งมีการแต่งในหมู่บ้าน เจ้าบ่าวเองก็เป็นทหารในฐานเรา ผบ.ร้อยเป็นผู้ใหญ่ของเจ้าบ่าว แต่ก็สั่งให้ทุกคนผลัดเปลี่ยนกันลงไปช่วยงาน เวรประจำป้อม 4 ป้อมไม่ให้ขาด แต่แล้วนายไม่อยู่หนูร่าเริง ทหารในฐานทยอยลงไปทั้งหมดรวมทั้งเวรด้วย เหลือผมกับทหารใหม่ อีก 2 คน เป็น 3 กับผม เนื่องจากที่ผมไม่ได้ลงไปช่วยงานเพื่อน ก่อนค่ำผมไปช่วยมาแล้ว  จากนั้นพอถึงเวลาประมาณ 3 ทุ่มสุนัขจอนจัดที่มาอาศัยอยู่ที่ฐานเรา ประมาณ 10 ตัว ได้พร้อมกันยืนอยู่ขอบบังเกอร์เห่าไปที่ชายป่า เหมือนกับว่าสุนัขมองเห็นหรือได้กลิ่นสิ่งแปลกปลอมอยู่ตรงนั้น กำลังของผมมีเพียง 3 คน หาก ฝ่ายตรงข้ามเข้าตีคงไม่อาจรับมือได้แน่ เพราะการเข้าตีเขาเองก็ต้องการเตรียมการมาอย่างดี ส่วนเรา 3 คนซุ่มอยู่กลางฐานอาศัยความมืดและต้นไม้เป็นที่กำบัง ผมเอาจรวดอาร์พีจีจำนวน 3 ลูกมาบรรจุไว้ลำกล้องพร้อมยิง  ทหารใหม่ 2 นายปืนเอ็ม 16 ไว้ยิงสวน หากฝ่ายเขาลงมือผมจะใช้จรวดอาร์พีจีทำการตอบโต้ เพราะอาร์พีจีการทำลายล้างได้สูงพอสมควร แล้วก็ได้แนะแนวทางหลบหนีให้กับลูกน้อง 

จากนั้นผมได้ใช้กลลวงโดยเป่านกหวีดให้ดังยาวๆ สามครั้ง แล้วก็ตระโกนสั่งการว่า  ทหารประจำแนว 3 ครั้ง   รอให้มันเข้ามาแล้วคอยยิง ให้ทุกนายเงียบไว้  แท้ที่จริงแล้วไม่มีทหารในฐานเลย   ประมาณ ชั่วโมงกว่าสุนัขที่เคยอาศัยข้าวแดงแกงร้อนในฐาน ก็ข่อยๆเห่าเบาลงแล้วก็เงียบเป็นปกติ แต่เราทั้ง 3 ยังไม่ประมาทยังคงพรางตัวอยู่ต้นไม้และมุมมืด จนเวลาผ่านไป 5  ทุ่มกว่ามีทหารพวกเดียวกันข่อยๆทยอยกลับจากงานแต่งมาเข้าเวร และกลับมานอน และได้เล่าเหตุการณ์ให้ฟัง บางคนถึงนอนไม่หลับ ดีที่ฝ่าย พคท.ไม่ไปซุ่มยิงกลางทาง พอถึงตอนเช้ามีชาวบ้านที่เป็นแหล่งข่าวได้แจ้งว่า เมื่อคืนประมาณเที่ยงคืนมีกลุ่มติดอาวุธ 27 คน เดินผ่านไร่ออกไปทางเหนือ เขานอนที่ไร่ได้พบเห็น ผบ.ร้อยได้ฟังก็พยักหน้าตาม แล้วก็พูดขึ้นว่า   เขาจะเล่นงานเราคิดว่าเราลงไปกันหมด แต่ดีนะกำลังเราพร้อม  ทหารเพื่อนๆของผมได้ฟังแล้วก็ก้มหน้าเดินออกจากโต๊ะ บก.ร้อยไป ผมเองก็นั่งเงียบที่โต๊ะวิทยุรับ ส่ง ได้แต่นึกในใจ พร้อมที่ไหนครับผู้กอง..ผมปล่อยให้ผ่านไป ทหารไม่ฆ่าน้อง ไม่ฟ้องนาย  ไม่ขายเพื่อน  ตามที่ผมประเมินเหตุการณ์คนเดียวว่า สาเหตุที่ พวกเขาไม่ตัดสินใจยิงไม่ยอมลงมือตีฐานในครั้งนี้ มีอยู่ว่า เขาคงคิดว่ากำลังของเรารู้ตัวแล้ว และพร้อมที่จะรับมืออยู่ที่บังเกอร์แล้ว จึงได้เงียบ  ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจถอนตัว เรื่องนี้เป็นบทเรียนที่มีคุณค่าสำหรับผม 

จากนั้นภารกิจของเราก็ยังทำการรุกต่อไปเรื่อยๆ กับกลุ่มผู้มีอิทธิพล ยังทำการจับการลักรอบแปรรูปไม้ได้หลายครั้ง จนเขาไม่สามารถโงหัวขึ้นก็ว่าได้  จนทำให้ผบ.ร้อย กับผมมีค่าหัว ผม สามหมื่น ผบ.ร้อย ห้าหมื่น เงินเท่านี้ก็ไม่น้อยนะในยุคปี พ.ศ. 2525 ทำไมผมเป็นผู้น้อยจึงถูกตั้งค่าหัว ก็เพราะการจับคุมไม้แต่ละครั้งจะมีผมทุกครั้ง เพราะผมเป็นพนักงานวิทยุสนาม จะต้องเป้วิทยุออกปฏิบัติงาน เลยเป็นจุดเด่น  จากนั้นเวลาได้ผ่านแรมเดือน ของปีพ.ศ. 2525 ผมกับเพื่อนอีก 10 นายถึงรอบพักประจำเดือนเป็นเวลา 7 วัน พอถึงวันกำหนดกลับก็กลับขึ้นไปปฏิบัติงานตามปกติ  หลังจากอาบน้ำท่านข้าวมืดเย็น กำลังที่พักมาใหม่ก็เข้าเวรระวังเหตุ ที่ป้อมเวรในฐานซึ่งมี่อยู่รอบฐาน 4 ป้อม ผมเองเป็นเวรผลัดที่หนึ่งโดยผลัดที่หนึ่งจะต้องเข้าจาก 18.00 ถึง 21.00 สามชั่วโมงเพราะยังหัวค่ำอยู่ พอถึงสามทุ่มทหารรุ่นพี่ผมเข้าไปเปลี่ยนเวร จากนั้นก็ส่งเวร การส่งเวรก็คือการแจ้งสิ่งที่ผิดปกติที่พบเห็นตอนตัวเองเข้าเวรอยู่  แต่ผมไม่มีก็บอกว่าปกติ แล้วก็เดินเข้าไปที่เบิมนอน   ผมนอนคงยังไม่นานมากผมเพิ่งจะเคลิ้มหลับ จากนั้นเสียงระเบิดดังขึ้นที่ป้อมเวร ป้อมที่ผมออกมา แล้วก็ตามด้วยเสียงปืนดังขึ้นหนึ่งชุด  ผมคว้าปืนเอ็ม 16ที่แนบอยู่ข้างขาและนั่งคุกเข่าข้างเดียวพร้อมกับเปิดเซฟปืนเอ็ม 16 คู่ใจ ฟังสถานการณ์ แล้วก็คลานออกไปที่ร่องบังเกอร์หน้าเบิมนอน แล้วก็ได้ยินเสียงทหารคนอื่นๆกระโดดลงสู่ร่องบังเกอร์ ตุ๊บตั๊บๆๆ  จากนั้นเสียงผู้กองสั่งถอนกำลังทหารด้านทิศตรงข้ามจุดปะทะ 4 – -5 นาย ผมกับผู้บังคับหมวดไปตามคำสั่ง เรารู้แล้วว่าจุดที่ปะทะมีทหารเราถูกยิงหนึ่งนาย ผู้กองจะนำกำลังเข้าไปช่วยลูกน้องที่ถูกยิง จากนั้นผู้กองให้ผมกับผู้บังคับหมวดกลับไปประจำที่เดิม เพราะกลัวฝ่ายตรงข้ามตีตลบหลัง แต่ในตอนนั้นผมเห็นว่าผู้กองแกใส่เสื้อคอกลมสีขาว ซึ่งกลางคืนยังมองเห็นได้อย่างชัดเจน ผมบอกผู้กองให้ถอดเสื้อและทำการแจ้งเตือน แต่ผู้กอง บอกว่าไม่ต้องกลัว หากกลัวแล้วไม่ต้องมา นี่คือคำสั่งเอ็งรีบตามหมวดไป  ผมเองก็ปฏิบัติตามนั้น ส่วนกำลังที่เหลืออีก 5 นายเข้าไปช่วยทหารที่ถูกยิงบริเวรป้อมเวร ผู้กองกับทหารอีก 5 นายเข้าไปที่เบิมนอนซึ่งเป็นประตูแคบๆข้างในเบิมเราจะขุดหลุมลงไปประมาณ 1 เมตรส่วนหลังคากับฝาจะใช้ไม้เป็นต้นเรียงกัน ด้านในเป็นเตียงนอน 2 เตียง ส่วนทหารที่บาดเจ็บ ต่ำแหน่งแพทย์สนาม เขาถูกยิงถากที่หน้าท้องทำให้ใส้ของเขาทะลักออกมากองอยู่กับเตียง

ผู้กองกำลังจะช่วยลูกน้อง แต่หารู้ไหมว่า ฝ่ายตรงข้ามดักซุ่มอยู่มุมมืดขอบบังเกอร์ ผู้กองทั้งใส่เสื้อสีขาวเป็นจุดเด่น และยังออกเสียงสั่งการ การปฏิบัติการต่างๆ ฉนั้นฝ่ายตรงข้ามเองก็สามารถยิงไม่ผิดตัวอย่างแน่นอนที่จะต้องเก็บผู้นำก่อน ระหว่างส่องไฟเพื่อที่จะทำแผลให้ทหารที่บาดเจ็บ ผู้กองมองเห็นเงาคนอยู่หน้าประตูทางเข้าเบิมนอนผู้บาดเจ็บ ผู้กองยังสั่งการให้กับคนที่อยู่หน้าเบิมว่า  มึงอย่ายืนโด่ๆเด่ๆซิวะ หมอบๆคลานๆบ้าง เข้าใจว่าเป็นลูกน้องตัวเอง เขาคนนั้นก็หมอบลงอย่างที่ผู้กองสั่ง แต่เขาไม่ได้หมอบลงอย่างเดียวครับ เขาทำการสาดกระเข้าใส่ผู้กองไปหนึ่งชุด กระสุนโดนเข้าที่เอวและสะโพกผู้กอง และโดนลูกน้องอีก 2 นาย เสียชีวิต ทหารที่ติดตามที่อยู่ในเบิมไม่สามารถยิงสวนได้ เพราะประตูเบิมแคบมาก ฝ่ายพคท.ได้หลบออกไปหน้าแนว ทหารที่เหลือจึงทิ้งให้คนเจ็บรวมทั้งผู้กองกับทหารอีก 2 นายไว้ที่เบิมเหมือนเดิม แต่ยังไม่สามารถทำอะไรได้ในตอนนั้น ทางผมกับผู้หมวดรู้แล้วว่าพวกเราถูกยิงเพิ่มขึ้นอีกเป็น 4 คนแล้ว ผู้บังคับหมวดยังมีความพยายามที่จะเด็ดหัวฝ่ายตรงข้าม และทำการช่วยเหลือผู้กองกับ ลูกน้องอีก 3 นาย ผู้หมวดและผมกับหมออีกคนรวมเป็น 3 คน เข้าไปที่จุดปะทะ เรา 3 คนอาศัยต้นไม้ในฐานเป็นที่กำบัง เราเข้าไปใกล้ๆห่างประมาณ 30 เมตร แต่ หมอสนามอีกคนที่ไปด้วยกันนั้น ก่อนหน้านั้นเขาได้รับอุบัติเหตุจากมอเตอร์ไซค์ขาหัก ยังอยู่ระหว่างพักฟื้น ยังเดินกระเพกกระเพกเอียงซ้ายเอียงขวาอยู่ เขาพายกระเป๋าเครื่องมือแพทย์วิ่งตามไปใกล้ๆกับผมและผู้บังคับหมวด เหตุที่เขาขาเป๋เอียงซ้ายเอียงขวา ฝ่ายตรงข้ามยิงเขา 1 นัดกระสุนไปโดนกระเป๋ายาพังยับ เหตุที่หมอเขาขาเป๋ วิ่งเอียงซ้ายเอียงขวาเขาจึงไม่เป็นเป้านิ่งกระสุนเลยพลาด และยิงผู้หมวดอีก 1 นัดแต่ตกต่ำไม่โดนแต่ดินเต็มหน้า แต่เราทั้ง 3 ก็ไมสามารถที่จะยิงสวนได้ เพราะจุดที่ฝ่ายตรงข้ามซุ่มอยู่มีพวกเราโดนยิงอยู่ตรงนั้น เราจึงออกมาประจำแนวเดิม ทำการวางแผนใหม่ เวลาตอนนั้นอยู่ที่ เกือบตี 4 แล้ว การวางแผนนั้นเรารู้แล้วว่าหมดหนทางที่จะเข้าไปช่วยพวกเดียวกัน แต่เวลาใกล้สว่างดังนั้นมีวิธีเดียวเท่านั้นคือ รอให้สว่างจึงทำการบุก แต่ผู้หมวดได้ประกาศสั่งการว่า ให้ทหารทุกนายอยู่กับที่อย่าย้ายที่ และให้ดูคนใกล้เคียงว่าพวกเดียวกันหรือไม่ หากเห็นใครหนีออกนอกฐานให้ยิงทันที เพราะขณะนี้ ฝ่ายตรงข้ามปะปนเราอยู่ ให้ทุกนายปฏิบัติอย่างนี้จนกว่าจะสว่าง ทหารทุกนายที่ประจำอยู่ร่องบังเกอร์ ซุ่มเงียบคงปล่อยให้คนเจ็บอยู่ตามเดิม ส่วนผู้กองกับทหารอีก 2นายเสียชีวิตในที่เกิดเหตุทันที เวลาได้ผ่านไปถึงตี 5 กว่าท้องฟ้าเริ่มสางขึ้นเลื่อยๆ ส่วนฝ่ายตรงข้าม ก็คงต้องหาทางออก ทหารที่อยู่ไม่ไกลมากเริ่มมองเห็น เขาลุกขึ้นยืนคล้ายกับจะเดินเข้ามาหา ทหารที่อยู่ในร่องบังเกอร์ ทหารได้ตระโกนบอกให้หยุดอยู่กับที่ แต่เขายังมีการยกปืนจะยิงมาที่เสียงสั่งการ เลยก็ถูกยิงสวนร้างพรุนไปทั้งตัว    

ส่วนทหารที่บาดเจ็บคือหมอ  เราเข้าไปช่วยได้ตอนสว่าง พบหมออยู่ในท่านอนหงายบนเตียงมีกระเป๋าเครื่องมือแพทย์วางอยู่ข้างๆ แผลหน้าท้องเปิดกว้างลำไส้ของเขาออกมากองที่ผ้าห่ม แต่ด้วยความเป็นหมอเองทำให้เขารอดตาย เขาใช้ระบบสัมผัสตอนกลางคืนเอายามอร์ฟีนที่ในกระเป๋า เป็นยาแก้ปวดอย่างแรงและเป็นยาห้ามเลือดด้วย มาฉีดให้ตัวเองในระหว่างเราชุนละมุนกันอยู่ เขาฉีดยามอร์ฟีนตั้งแต่ตอนถูกยิงใหม่ๆประมาณ 5 ทุ่ม ดูแล้วเขาฉีดเป็นระยะ มีร่องลอยการฉีดยาทั้งหมด 3 หลอด นำส่งโรงพยาบาลด้วยรถยนต์   จากนั้นผมรวบรวมรายระเอียดเหตุการณ์เสร็จผู้บังคับหมวดสั่งการให้ส่งวิทยุรายงานให้ทางพตท.33ทราบทันที  ผมขอเล่าเรื่องการพูดวิทยุของทหารในยุคนั้น การพูดวิทยุของพนักงานวิทยุจะไม่มีการใช้ ว.ต่างๆเหมือนทุกวันนี้ แต่เขาจะใช้ลูกเล่นอีกแบบหนึ่งที่พนักงานวิทยุเข้าใจกันเอง เช่น ผมต้องรายงานการปะทะให้กับหน่วยแม่ทราบว่า ได้มีการปะทะกับ ฝ่ายตรงข้ามตั้งแต่เวลา  และผลการปะทะฝ่ายเรา ผลประการใด หากมีการสูญเสียก็จะรายงานแบบนี้ มีนักร้อง 4 นาย ส่วนคนตายเราก็เอ่ยชื่อนักร้องที่ตายแล้ว ว่า ยอดรัก 3 นาย คนที่เจ็บอีก 1 นาย ก็เอ่ยชื่อนักร้องที่มีชีวิตอยู่ ว่า มนต์แคน 1  รวม 4 นาย ดังมีรายชื่อต่อไปนี้  แต่พนักงานวิทยุที่รับข่าวเขาก็จะเขียนให้ถูกว่า ตาย 3 นาย บาดเจ็บ 1 นาย จะนิยมพูดคำสับกันแบบนี้ เพื่อที่เป็นการปิดลับกับฝ่ายตรงข้ามที่ดักฟัง  ตอนนั้นสว่างเป็นปกติแล้ว ผมส่งข่าวเสร็จเดินออกจากห้องยุทธการมาที่จุดปะทะเพื่อที่จะช่วยห้ามศพทั้ง 3 ศพมาไว้ตรงกลางฐาน ขณะนั้นผมเห็นครูสาวเธอเป็นครูสอนอยู่ที่โรงเรียนในหมู่บ้านห้วยระหงส์ ยังอยู่ในชุดนอนสีชมพู เธอวิ่งขึ้นไปบนฐานไปที่จุดเกิดเหตุเธอยืนดูศพทหารที่เรากำลังห้ามกันอยู่ สองมือของเธอกำชายผ้าที่เป็นชุดนอนเพื่อยกชายผ้าให้พ้นดิน แล้วก็เดินตามมาจุดที่เราว่างศพ เธอใจเด็ดมาก  หรือว่าทหารในฐานนั้นมีคนที่เธอรักอยู่หรือเปล่า  ผมหามศพผู้กองมาแล้วผมก็จำคำพูดผู้กองได้ดี ที่บอกผมไว้ว่า  ไอ้เสือ  เขาอยู่ได้ เราอยู่ไม่ได้  หากเราอยู่ได้ เขาอยู่ไม่ได้  พอวางศพผู้กองลง ผมก็บอกกับศพผู้กองว่า  ผู้กองอยู่ไม่ได้ แต่พวกผมจะต้องอยู่ได้และจะสู้ต่อไป ครับ       

( พิษณุโลกฮอตนิวส์ 23 มิ.ย.2561 นำเสนอผลงานเขียนของพี่เสือ  ภูลมโล หรือ คุณมนัส  สีเสือ จนท.ประชาสัมพันธ์อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า ผู้มีประสบการณ์และความทรงจำในการปฏิบัติหน้าที่ทหารพราน เมื่อครั้งยังมีการต่อสู้ทางอุดมการณ์และอาวุธระหว่างรัฐบาลและพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยบนภูหินร่องกล้า จนล่วงเลยผ่านมาสู่การปฏิบัติหน้าที่ผู้พิทักษ์ป่า ให้ข้อมูล และนำเที่ยวภูหินร่องกล้า สถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติยอดนิยมของจ.พิษณุโลก พี่เสือ ภูลมโล ได้บันทึกความทรงจำไว้หลายเหตุการณ์อย่างน่าสนใจ จะนำเสนอเป็นเรื่องราวต่อเนื่อง จำนวน 9 ตอน บนเว็ปไซด์พิษณุโลกฮอตนิวส์ )

อ่านบทความเดิม ย้อนรอยภูหินร่องกล้าตอน 1 พรรคคอมมิวนิสต์แทรกซึม…โดยเสือ ภูลมโล 23 มิ.ย. 2561

ย้อนรอยภูหินร่องกล้าตอน 2 จุดยุทธภูมิสู่แหล่งท่องเที่ยว โดยเสือ ภูลมโล  30 มิ.ย.61

ย้อนรอยภูหินร่องกล้าตอน 3 การรุกของฝ่ายรัฐบาล โดยเสือ ภูร่องกล้า  7 ก.ค.61

ย้อนรอยภูหินร่องกล้าตอน 4 ภารกิจซุ่มโจมตี โดยเสือ ภูลมโล14 ก.ค.61

ย้อนรอยภูหินร่องกล้าตอน 5 ย้ายฐานปฏิบัติการ โดยเสือ ภูลมโล   22 ก.ค.61

ย้อนรอยภูหินร่องกล้าตอน 6 ถ้ำวิทยุ กระบอกเสียงพคท.โดยเสือ ภูลมโล   27 ก.ค.61

…………………………………………………………………………….

……………………………………………………………..

แสดงความคิดเห็น